xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยนวัตกรรมเปอโยต์(2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รุ่น 201 พัฒนาช่วงล้อหน้าแบบอิสระ
หลังจากได้นำเสนอเส้นทางนวัตกรรมของเปอโยต์ในตอนที่แล้ว ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโรงงานข้าวโพดมาสู่โรงงานเหล็กกล้า จนมาสู่โลกของผู้ผลิตยนตรกรรมที่พัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี และคราวนี้มาถึงการย้อนรอยเทคโนโลยีในภาคต่อจวบจนปัจจุบันและอนาคต
Type 153 อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างชื่อให้เปอโยต์
ทางด้านรุ่นรถยนต์เปอโยต์ที่น่าจดจำในช่วงต้นทศวรรษ 1900 นำโดย Type BP1 Type 153 และ Baoy แต่เปอโยต์ก็ได้เริ่มผลิตรถยนต์อย่างเต็มกำลังด้วยรุ่น 201 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1929 และมีราคาถูกที่สุดในตลาดประเทศฝรั่งเศส โดยรุ่น 201 นี้เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้โลโก้เปอโยต์แบบใหม่เป็นเลข 3 ตัวที่มีเลขศูนย์อยู่ตรงกลาง และเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งล้อหน้าแบบอิสระเพื่อความผ่อนคลายอย่างเต็มที่ของผู้โดยสาร
อีกหนึ่งสุดยอดรถหาชมยากเพราะผลิตจำนวนจำกัด
ต่อมาไม่นานได้เกิดความเปลี่ยนแปลงรูปโฉมรถยนต์เปอโยต์ที่ชัดเจนมาก ในช่วงทศวรรษ 1930 สิงโตแห่งฝรั่งเศสใช้หลักอากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิคเข้ามาปรับรูปทรงรถทุกรุ่น โดยมีไฟหน้าแบบกระจกครอบ หน้าหม้อน้ำที่ลาดเอียงเล็กน้อย และบังโคลนต่ำตามแบบฉบับรถยนต์สมัยใหม่อย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังได้เปิดตัวรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 79 คันเท่านั้น รุ่น 401 Eclipse ที่สามารถเปิดปิดหลังคาแบบแข็งได้เป็นคันแรกของโลกในปี 1935 และได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในรถยนต์รุ่น 301 และ 601
คลาสสิคพิมพ์นิยมออกแบบสไตล์อิตาเลียน
เข้าสู่ในช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950 เปอโยต์ได้เริ่มผลิตรถยนต์รุ่น 203 และ 403 ขึ้น โดยรุ่น 403 นี้เป็นรถยนต์ดีเซลรุ่นแรกที่เปอโยต์ได้ร่วมงานกับ Pininfarina นักออกแบบชาวอิตาเลียน และเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับรถรุ่น 404 ที่ได้รับการออกแบบสไตล์อิตาเลียนอย่างลงตัวด้วยการผสมผสานรสนิยมอันยอดเยี่ยมเข้ากับความคลาสสิคแบบทันสมัย จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก และยังมีใช้อยู่ในแถบแอฟริกาบางประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
PEUGEOT 604
ทศวรรษ 1960 เปอโยต์เปิดตัวรถรุ่น 204 ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า สร้างปรากฏการณ์การสั่งซื้อรถยนต์รุ่นนี้มากกว่า 5,000 คันตั้งแต่ก่อนจะปรากฏตัวสู่สายตาสาธารณชน โดยอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างรุ่น 604 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่พาเปอโยต์ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์หรูได้สำเร็จ และได้รับคำชมมากมายในงานมอเตอร์โชว์กรุงเจนีวาในปี 1975
PEUGEOT 205 รับรางวัล Car of the Year ปี 1984
ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 ได้ผลิตรถยนต์รุ่น 205 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นรถยนต์คลาสสิคยุคใหม่ และได้รับรางวัล Car of the Year ประจำปี 1984 จากนิตยสาร What Car? และได้รับเลือกให้เป็นรถยนต์แห่งทศวรรษโดยนิตยสาร CAR ในปี 1990 จนกระทั่งในปีต่อๆ มา เปอโยต์ก็ยังประสบความสำเร็จจากการผลิตรถยนต์อีกหลายรุ่น
โฉมหน้า SR1
ปัจจุบันเปอโยต์ยังเป็นผู้ผลิตยนตรกรรมที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการใส่ใจสิ่งแวดล้อมซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนในคอนเซ็ปท์คาร์ SR1 ซึ่งมีรูปลักษณ์ปราดเปรียวอย่างสมดุลพร้อมดีไซน์ภายในอันทันสมัย รถในฝันรุ่นนี้คือนิยามใหม่ของแนวคิด Grand Touring Car ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านวิศวกรรมและการออกแบบอย่างมีสไตล์ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด 4 เครื่องยนต์ 313 บีเอชพีที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมาเพียง 119 กรัมต่อกิโลเมตร (ปริมาณการปล่อยก๊าซในโหมดไฟฟ้าเท่ากับศูนย์) และการขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อสมรรถนะและความเร้าใจในการขับขี่
BB1 เหมาะใช้งานในเมืองและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตามติดด้วยรุ่น BB1 เปอโยต์ก็ได้ปฏิวัติการผลิตรถยนต์และตอบสนองการขับขี่ในเมืองทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยคอนเซ็ปท์คาร์รุ่นนี้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวที่ฉีกกฎของการออกแบบ สไตล์การตกแต่งภายใน สมรรถนะในการขับขี่ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ไปจนถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าบริเวณล้อหลังที่มีกำลังขับเคลื่อนสูงสุด 20 แรงม้า หรือ 10 แรงม้าต่อมอเตอร์ และแบตเตอรี่ลิเธียม อิออนคุณภาพสูงที่สะสมพลังงานสำหรับระยะทาง 120 กิโลเมตร โครงสร้างตัวรถผลิตจากคาร์บอนทำให้มีน้ำหนักเบา แม้รวมแบตเตอรี่จะหนักเพียง 600 กิโลกรัมเท่านั้น
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโมเดลล่าสุดปี 2011
ในด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เปอโยต์ยังคงนำเทคโนโลยีมาถึงรถจักรยานยนต์ด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า E-Vivacity ที่จะเปิดตัวในตลาดยุโรปในปี 2011 โดยบรรจุมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 บีเอชพี และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมอิออน สำหรับเดินทางได้ 100 กิโลเมตร นับว่ามากกว่าที่จำเป็นต่อการขับขี่ในเมืองโดยเฉลี่ยในแต่ละวัน แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถชาร์จไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 ชั่วโมง โดยชาร์จไฟได้มากกว่า 80% ภายใน 2 ชั่วโมงแรก และยังมีแบตเตอรี่พกพาขนาด 35 ลิตรที่สามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งผู้ขับขี่ได้อีกด้วย

ในอนาคตการขับเคลื่อนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้า นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเปอโยต์ที่ต้องจับตามอง ทั้งนี้เพื่อตอบสนองการขับขี่ใช้งานในเมือง คู่ขนานไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าน่าจะกลายเป็นยนตรกรรมรูปแบบใหม่ที่มีสีสัน พร้อมเปิดโลกทัศน์ใหม่สู่เมืองแห่งอนาคต และทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปประวัติศาสตร์ของนวัตกรรมเปอโยต์กว่า 200 ปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น