จากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถมือสอง หรือยูสคาร์(USED CAR) และการโดดลงมาเล่นของค่ายรถเจ้าของแบรนด์เอง ส่งผลให้ “เบนซ์อมรรัชดา” ในฐานะผู้นำตลาดรถเบนซ์มือสอง จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อรักษาตำแหน่งและชิงยอดขาย ที่ปีหนึ่งตลาดรถมือสองมีมูลค่ามหาศาล ส่วนจะทำอย่างไร?... “วรรณา ตั้งบรรยงค์” กรรมการบริหาร เบนซ์อมรรัชดา กรุ๊ป จะเป็นผู้มาให้คำตอบดังกล่าว...
ภาพรวมตลาดรถมือสองปีนี้
แม้เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาจะตกต่ำ แต่ตลาดรถมือสองมีการเติบโตถึง 8% และเชื่อว่าปีนี้น่าจะเติบโต 10% หากปัญหาการเมืองไม่รุนแรง โดยตลาดรถมือสองปีหนึ่งๆ มีไม่ต่ำกว่า 7 แสนคัน หรือคิดเป็นมูลค่า 3-4 แสนล้านบาท จึงทำให้บริษัทรถต่างสนใจและเข้ามาเล่นในตลาดนี้ ดังจะเห็นได้จาก “โตโยต้า ชัวร์” หรือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เปิดส่วนของแผนกรถมือสอง “D-1” วันเช่นกัน
ผลกระทบต่อกลุ่มเต้นท์รถ
การลงมาทำตลาดรถมือสองของบรรดาค่ายรถเจ้าของแบรนด์ จะทำให้เต้นท์รถรายเล็กค่อยๆ หายไปในอนาคต เหลือก็เพียงรายใหญ่เท่านั้น ในส่วนของเบนซ์อมรรัชดาได้รับผลกระทบบ้าง แต่ประสบการณ์ที่มีมานานกว่า 45 ปี ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และสามารถอยู่ในตลาดนี้ได้ตลอดไป แต่ก็ต้องปรับตัวรับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ต้องปรับตัวรับการแข่งขัน
ไม่เพียงรับการแข่งขันที่รุนแรง ยังต้องเป็นการรุกตลาดรถมือสองด้วย เหตุนี้เบนซ์อมรรัชดากรุ๊ปจึงได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแต่งตั้งนายศิริวัฒน์ เจริญลาภ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนซ์อมรรัชดา จำกัด ดูแลธุรกิจขายรถเบนซ์มือสอง, นายวีระศักดิ์ ไกรวิทย์ กรรมาการผู้จัดการ บริษัท อมรแคร์ จำกัด บริหารศูนย์บริการ “สตาร์เซิร์ฟ” และนายสุรัตน์ มณีรัตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรรัชดา 1966 จำกัด ศูนย์จำหน่ายรถมือสองนำเข้า ซึ่งต่างได้ร่วมงานกับเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป หรือไม่ก็มีประสบการณ์ในแวดวงมานาน จึงเชื่อว่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจของเบนซ์อมรรัชดาเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้น
แผนการรุกตลาดในปีนี้
ธุรกิจขายรถเบนซ์มือสองยังคงจะรักษามาตรฐานไว้เช่นเดิม และจะมีการจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ รวมถึงตอบแทนลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ไตรมาส ซึ่งจะเริ่มด้วยการมอบบัตรของขวัญมูลค่า 50,000 บาท ให้กับลูกค้าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ส่วนศูนย์บริการรถเบนซ์ราคาประหยัด “สตาร์เซิร์ฟ” เพื่อดูแลฐานลูกค้ากว่า 1,500 ราย จากช่างที่มีคุณภาพจริงๆ ที่สำคัญยังเป็นการรับมือการรุกของค่ายรถเจ้าของแบรนด์ในตลาดรถมือสองด้วย
สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถมือสองนำเข้า เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อปีที่ผ่านมา จุดประสงค์เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการรถประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเอ็มพีวี(MPV) หรือเอสยูวี(SUV) ทำให้บริษัทฯ ที่มีประสบการณ์รถมือสองมานานกว่า 45 ปี เข้ามาดำเนินตรงนี้ โดยร่วมกับพันธมิตรผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตในไทย เลือกสรรรถมือสองนำเข้าที่มีคุณภาพ ราคาประหยัด หรือ “Quality Used Car” มาตอบสนองความต้องการลูกค้า และก็ได้รับการตอบรับอย่างดี มียอดขายปีแรกถึง 200 คัน โดยปีนี้จะมีการขยายโชว์รูมและสต็อกมากขึ้น
เป้าหมายเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้ คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถเบนซ์มือสองประมาณ 330 คัน และรถนำเข้ามือสอง 220 คัน โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10% ตามสภาพตลาด ซึ่งรายได้ของเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 70% และรายได้จากการบริการ 30% โดยมีสัดส่วนระหว่างลูกค้าเก่าและใหม่อยู่ที่ 70 : 30 และเชื่อว่ายอดจำหน่ายรถของบริษัทฯ จะมีแนวน้าที่ดี และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถเบนซ์มือสองอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมตลาดรถมือสองปีนี้
แม้เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาจะตกต่ำ แต่ตลาดรถมือสองมีการเติบโตถึง 8% และเชื่อว่าปีนี้น่าจะเติบโต 10% หากปัญหาการเมืองไม่รุนแรง โดยตลาดรถมือสองปีหนึ่งๆ มีไม่ต่ำกว่า 7 แสนคัน หรือคิดเป็นมูลค่า 3-4 แสนล้านบาท จึงทำให้บริษัทรถต่างสนใจและเข้ามาเล่นในตลาดนี้ ดังจะเห็นได้จาก “โตโยต้า ชัวร์” หรือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เปิดส่วนของแผนกรถมือสอง “D-1” วันเช่นกัน
ผลกระทบต่อกลุ่มเต้นท์รถ
การลงมาทำตลาดรถมือสองของบรรดาค่ายรถเจ้าของแบรนด์ จะทำให้เต้นท์รถรายเล็กค่อยๆ หายไปในอนาคต เหลือก็เพียงรายใหญ่เท่านั้น ในส่วนของเบนซ์อมรรัชดาได้รับผลกระทบบ้าง แต่ประสบการณ์ที่มีมานานกว่า 45 ปี ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และสามารถอยู่ในตลาดนี้ได้ตลอดไป แต่ก็ต้องปรับตัวรับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ต้องปรับตัวรับการแข่งขัน
ไม่เพียงรับการแข่งขันที่รุนแรง ยังต้องเป็นการรุกตลาดรถมือสองด้วย เหตุนี้เบนซ์อมรรัชดากรุ๊ปจึงได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแต่งตั้งนายศิริวัฒน์ เจริญลาภ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนซ์อมรรัชดา จำกัด ดูแลธุรกิจขายรถเบนซ์มือสอง, นายวีระศักดิ์ ไกรวิทย์ กรรมาการผู้จัดการ บริษัท อมรแคร์ จำกัด บริหารศูนย์บริการ “สตาร์เซิร์ฟ” และนายสุรัตน์ มณีรัตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรรัชดา 1966 จำกัด ศูนย์จำหน่ายรถมือสองนำเข้า ซึ่งต่างได้ร่วมงานกับเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป หรือไม่ก็มีประสบการณ์ในแวดวงมานาน จึงเชื่อว่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจของเบนซ์อมรรัชดาเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้น
แผนการรุกตลาดในปีนี้
ธุรกิจขายรถเบนซ์มือสองยังคงจะรักษามาตรฐานไว้เช่นเดิม และจะมีการจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ รวมถึงตอบแทนลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ไตรมาส ซึ่งจะเริ่มด้วยการมอบบัตรของขวัญมูลค่า 50,000 บาท ให้กับลูกค้าในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ส่วนศูนย์บริการรถเบนซ์ราคาประหยัด “สตาร์เซิร์ฟ” เพื่อดูแลฐานลูกค้ากว่า 1,500 ราย จากช่างที่มีคุณภาพจริงๆ ที่สำคัญยังเป็นการรับมือการรุกของค่ายรถเจ้าของแบรนด์ในตลาดรถมือสองด้วย
สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถมือสองนำเข้า เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อปีที่ผ่านมา จุดประสงค์เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการรถประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเอ็มพีวี(MPV) หรือเอสยูวี(SUV) ทำให้บริษัทฯ ที่มีประสบการณ์รถมือสองมานานกว่า 45 ปี เข้ามาดำเนินตรงนี้ โดยร่วมกับพันธมิตรผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตในไทย เลือกสรรรถมือสองนำเข้าที่มีคุณภาพ ราคาประหยัด หรือ “Quality Used Car” มาตอบสนองความต้องการลูกค้า และก็ได้รับการตอบรับอย่างดี มียอดขายปีแรกถึง 200 คัน โดยปีนี้จะมีการขยายโชว์รูมและสต็อกมากขึ้น
เป้าหมายเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้ คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถเบนซ์มือสองประมาณ 330 คัน และรถนำเข้ามือสอง 220 คัน โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10% ตามสภาพตลาด ซึ่งรายได้ของเบนซ์อมรรัชดากรุ๊ป แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 70% และรายได้จากการบริการ 30% โดยมีสัดส่วนระหว่างลูกค้าเก่าและใหม่อยู่ที่ 70 : 30 และเชื่อว่ายอดจำหน่ายรถของบริษัทฯ จะมีแนวน้าที่ดี และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถเบนซ์มือสองอย่างต่อเนื่อง