ด้วยชื่อชั้นของรถยี่ห้อ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” คงไม่ต้องสาธยายอะไรมากมายถึงความเลิศเลอของตัวรถทั้งเทคโนโลยี สมรรถนะ ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก ทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบตามสูตรรถหรู ราคาแพง และสิ่งที่ตอกย้ำประโยคข้างต้นได้ดีคือตำแหน่งผู้นำตลาดรถหรูติดต่อกันหลายสิบปี บวกกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังเป็นรถในดวงใจของคนมีกระตังค์ (ส่วนใหญ่) เมืองไทยที่ต้องมีไว้ครอบครองสักคันหนึ่ง หากฐานะเอื้ออำนวย
และแน่นอนเมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ส่งหมายเชื้อเชิญให้ไปลองขับ อี 300 รุ่นใหม่ (ประกอบในประเทศ )ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการรายวัน จึงไม่รีรอตอบรับทันทีเพราะโอกาสที่จะได้สัมผัสรถหรูราคาแพงไม่ได้มีมาบ่อย ยิ่งเป็นรถใหม่ สด ซิง ละก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก
เส้นทางที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดให้เริ่มจากกรุงเทพฯ -ภูเก็ต และภูเก็ต-กรุงเทพฯ โดยมีสื่อมวลชน 2 กลุ่มผลัดกันขับ-ขึ้นและลง สำหรับ ASTV ผู้จัดการรายวัน จัดอยู่ในกลุ่มหลังคือขับจากภูเก็ตกลับกรุงเทพ รวมระยะเดินทางของอี 300 ไป-กลับกว่า 1,000 กิโลเมตร ประมาณว่าเจ้าของแบรนด์อยากให้ขับกันเต็มที โดยเฉพาะการขับขี่ในระยะทางไกล บนถนนที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทางราบ ทางโค้ง คดเคี้ยว ขรุขระ รวมถึงทางขึ้นเขา
ก่อนที่จะขึ้นไปทำหน้าที่พลขับได้เดินสำรวจรูปร่างหน้าตาของอี 300 AVANTGARDE กันสักนิด จากที่เดินดูรอบตัวรถก็ต้องขอบอกว่ารถคันนี้หน้าตาดี ไม่ว่าจะเป็นทรวดทรงองค์เอว สัดส่วน ไฟหน้า ไฟท้าย ล้อแมกซ์ ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด และเชื่อขนมกินได้เลยว่าหากรถคันนี้โฉบเฉี่ยวอยู่บนถนนละก็ทุกสายตาต้องเหลียวกลับมามองในความสง่างามของ อี 300 AVANTGARDE แน่นอน
ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็ดูดีไม่แพ้ภายนอก เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายสไตล์รถหรูหราแบบว่ามากมายจนไม่สามารถจะบรรยายได้หมด และคงต้องใช้เวลาศึกษาก่อนสักพักหนึ่งว่าแต่ละปุ่มมันทำอะไรกันบ้าง ที่เห็นชัดพอเขียนให้ดูเป็นสังเขป คือคอนโซลดูหรูหรา สมกับความเป็นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีลายไม้ dark ash ที่คอนโซลกลาง และแผงข้างประตู หน้าปัดสีเงินแบบสปอร์ต ระบบนำทาง (navigation system) พวงมาลัยปรับระดับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมระบบนิรภัยแบบปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
ขณะที่เบาะนั่งเป็นหนังแท้ นั่งแล้วนุ่ม นิ่ม สบาย แถมมีปุ่มปรับระดับระบบไฟฟ้ พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่งด้วย, กระจกหน้าต่างปรับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 4 บานพร้อมระบบการทำงานแบบวันทัช มีม่านบังแดดที่ประตูหลังซ้าย-ขวา ส่วนม่านบังแดดหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3-ZONE พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล ขณะที่อุปกรณ์ความบันเทิงใส่มาแบบเต็มเต็ม ไม่ว่าจะเป็นระบบ COMAND APS ควบคุมการทำงานของวิทยุ -ดีวีดี พร้อม controller เครื่องเล่นดีวีดีแบบ 6 แผ่น ระบบสำหรับเชื่อมต่อสื่อบันเทิง (media interface) พร้อมสายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อ เป็นต้น
ด้านความปลอดภัยไม่ต้องพูดถึง มีมากมายสมกับเป็นรถหรูแถมเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยชนิดที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสบายใจ หายห่วง ไม่ว่าจะเป็น ATTENTION ASSIST ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ซึ่งระบบนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทางไกล โดยเซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันที นอกจากนี้ยังเมีระบบเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) พร้อม Parking Guidance แนะนำการจอดรถ ซึ่ง 2 ระบบดังกล่าวคู่แข่งยังไม่มี
ส่วนอุปกรณ์อื่นก็มีอีกเพียบ แต่ที่เด่นก็มี Adaptive Highbeam Assist ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น , Adaptive Break ระบบเบรกที่ช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด ภายในเสี้ยววินาที และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ยามค่ำคืน ด้วยระบบส่องสว่างอัจฉริยะ Intelligent Light System ระบบเพิ่มการส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System
ทั้งนี้ระบบป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ของ อี-คลาส จะทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ “Intelligent partner” ร่วมกันกับชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driver Assistance System อันเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่เพื่อเพิ่มการปกป้องก่อนและหลังจากอุบัติเหตุในรูปแบบต่าง ๆ อย่างครบครัน
ด้านพละกำลัง อี 300 AVANTGARDE มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,996 ซีซี พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้กำลังสูงสุดถึง 219 แรงม้า แรงบิดสูงสุดพุ่งปรี๊ดไปถึง 300 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 247 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามเอกสารอยู่ที่ 9.1 กิโลเมตรต่อลิตร ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 212 กรัมต่อกิโลเมตร
ด้วยพละกำลังที่ว่าส่งผลให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนาน อัตราเร่งรวดเร็วทันใจ เพียงกดคันเร่งคิกดาวน์ อี 300 AVANTGARDE สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างทันท่วงที ไม่มีรีรอ คันเร่งน้ำหนักกำลังดี การควบคุมพวงมาลัยแม่นยำและแปรผันตามความเร็วของรถแบบจริง ๆ คือยิ่งวิ่งเร็วพวงมาลัยก็หนักขึ้นแบบชัดเจน
เส้นทางตรง ๆ ยาว ๆ สามารถกดคันเร่งได้เต็มที่ แบบหายห่วง ยิ่งตอนใช้ความเร็วสูงไม่รู้สึกเลยว่าขับรถเร็วเพราะมันไปแบบนิ่ง ๆ จนบางครั้งเผลอทำความเร็วสูงขึ้นจึงต้องผ่อนคันเร่งลงทั้งที่กำลังของเครื่องยนต์สามารถเหยียบได้อีกเพียบ แต่ก็ไม่รู้จะวิ่งเร็วตามเพื่อนฝูงที่ขับกันแบบแวบหาย แวบหาย ไปทำไม เพราะเดี๋ยวก็เจอกันสี่แยกไฟแดงหน้า บวกกับชีวิตจริงก็ไม่เหยียบขนาดนี้
ช่วงขับในเมือง ขับง่าย พวงมาลัยแม่นมาก บังคับเลี้ยวง่าย รัศมีวงเลี้ยงก็แคบ กลับรถได้สบายๆไม่ต้องถอยซ้ำ และไม่รู้สึกว่าอี-คลาส เป็นรถคันใหญ่ เทอะทะ เหตุเพราะการขับขี่มันคล่องตัวจนลืมนึกถึงเรื่องขนาดของตัวรถ ส่วนเกียร์เป็นแบบ 7 สปีด อยู่หลังพวงมาลัยด้านขวา ซึ่งในตอนแรกที่ขับค่อนข้างขลุกขลักนิดหน่อย เหตุไม่ถนัดเพราะปกติก็ใช่เกียร์ในตำแหน่งปกติทั่วไปของรถ แต่เมื่อขับไปและปรับเปลี่ยนบ้างในบางครั้งเริ่มชินและรู้สึกว่ามันก็สะดวกดีไม่ได้ลำบากเหมือนตอนแรก
ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า อี 300 AVANTGARDE เป็นรถที่แฟนพันธุ์แท้ดาวสามแฉกไม่ต้องคิดมากหากจะจับจองเป็นเจ้าของรถดีคันนี้ ไม่ว่าคุณจะทำหน้าที่สารถีหรือจะนั่งเป็นผู้บริหารด้านหลัง ไม่มีผิดหวัง เพราะเจ้าของแบรนด์ผลิตมาเพื่อเน้นความสะดวกสบายให้ทั้งคนขับและคนนั่ง ฉะนั้นรับรองได้ว่า เงินที่คุณจ่ายไป 4,999,000 บาท คุ้มค่าครับ