อีตั้น อิมปอร์ท แถลงข่าวผลประกอบการปี 2552 ทะลุเป้า พร้อมมั่นใจโต 15% และทำยอดกว่า 800 คันในปี 2553 เร่งเดินเกมรุกรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระ (grey market) ด้วยกลยุทธ์สร้างความเป็นเลิศในสินค้าและบริการอย่างครบวงจร
นายพีรศุษม์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านสภาพเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่การเมืองในประเทศไม่แน่นอน สวนทางกับตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระยังคงเติบโตได้ในอัตราที่น่าพอใจสำหรับปี 2552 โดยต้นปีอีตั้นได้ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 630 คัน แต่ด้วยปัจจัยหนุนด้านสภาพตลาดที่กลุ่มเป้าหมายยังคงมีกำลังซื้อ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์อีตั้น ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ สถานบริการบำรุงรักษารถยนต์บ็อซ บัตรเครดิตเคทีซี การขยายไลน์สินค้าเพิ่มในส่วนของชุดแต่งเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในด้านยนตกรรมให้ครบวงจร ทำให้เราสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้า โดยมียอดขายถึงสิ้นปี 52 รวม 694 คัน เพิ่มขึ้น 94 คันหรือประมาณ 14% จากปี 2551
ส่วนรถยนต์นำเข้าโดยอีตั้น ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าในอันดับต้นๆและทำยอดขายสูงสุด ได้แก่ เอ็มพีวี 71 % , เอสยูวี 20 % , สปอร์ต 5 % และซีดาน 4 % ตามลำดับ”
“นอกจากนั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้จัดงาน ETON Motor Fest ขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด สามารถทำยอดขายได้ถึง 92 คัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มฟื้น เราจึงมีความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจปี 53 อย่างมาก จึงได้จัดสรรงบประมาณในการทำการตลาดและกิจกรรมต่างๆตลอดปี 2553 ไว้กว่า 20 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายทั้งปีอยู่ที่ 800 คัน หรืออัตราเติบโตประมาณ 15% ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำให้สำเร็จตามเป้าได้ไม่ยาก และสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างแน่นอน” นายพีรศุษม์กล่าว
นางอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2553 บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก โดยเฉพาะด้านสินค้าจะยังคงคัดสรรรถรุ่นยนต์ใหม่ๆ ที่อยู่ในความสนใจของตลาดเข้ามานำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 คาดว่าจะมีการนำรถยนต์ระดับเวิลด์คลาสเข้ามาเปิดตลาดอีกไม่น้อยกว่า 4-5 รุ่น และได้เพิ่มแบรนด์ชุดแต่งจากเดิมที่มีเพียงแบรนด์เดียวคือ วาลด์ (WALD) เป็นทั้งหมด 3 แบรนด์ โดยได้เพิ่มแบรนด์อิมพัลซ์ (IMPUL) และโรแจม (ROJAM) เพื่อเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า”
ส่วนด้านงานบริการซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของอีตั้นที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในฐานะผู้นำของตลาด โดยที่ผ่านมาเราได้ใช้เทคโนโลยีไอที Automotive Service Management Solution เข้ามาช่วยให้การจัดเก็บและบันทึกข้อมูลของลูกค้าเป็นไปในลักษณะเรียลไทม์ พร้อมการบริหารสต็อกอะไหล่ด้วยระบบบาร์โคดและการจัดเก็บแบบ FIFO ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริการให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนั้น อีตันยังเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อที่จะเติมเต็มการให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องยนตกรรมและไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบวงจร
นางอัจฉรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปบริษัทฯจะเริ่มใช้ประโยชน์จากระบบไอทีที่เราพัฒนาในการบริหารจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า โดยจะนำข้อมูลไปประมวลเพื่อนำไปสู่การจัดกิจกรรม CRM ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมให้กับกลุ่มครอบครัวเพื่อการพักผ่อนและบันเทิงเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมที่จะเชิญชวนทั้งพนักงงาน ลูกค้า และผู้บริหารร่วมทำความดีและประโยชน์ให้กับสังคมซึ่งถือเป็นเจตนารมณ์หลักของอีตั้น โดยเราจะมุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสังคมไปในด้านการส่งเสริมเยาวชนและการศึกษา เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและบริการของอีตั้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าตลอดไป
นายพีรศุษม์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านสภาพเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่การเมืองในประเทศไม่แน่นอน สวนทางกับตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระยังคงเติบโตได้ในอัตราที่น่าพอใจสำหรับปี 2552 โดยต้นปีอีตั้นได้ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 630 คัน แต่ด้วยปัจจัยหนุนด้านสภาพตลาดที่กลุ่มเป้าหมายยังคงมีกำลังซื้อ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์อีตั้น ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ สถานบริการบำรุงรักษารถยนต์บ็อซ บัตรเครดิตเคทีซี การขยายไลน์สินค้าเพิ่มในส่วนของชุดแต่งเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในด้านยนตกรรมให้ครบวงจร ทำให้เราสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้า โดยมียอดขายถึงสิ้นปี 52 รวม 694 คัน เพิ่มขึ้น 94 คันหรือประมาณ 14% จากปี 2551
ส่วนรถยนต์นำเข้าโดยอีตั้น ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าในอันดับต้นๆและทำยอดขายสูงสุด ได้แก่ เอ็มพีวี 71 % , เอสยูวี 20 % , สปอร์ต 5 % และซีดาน 4 % ตามลำดับ”
“นอกจากนั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้จัดงาน ETON Motor Fest ขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด สามารถทำยอดขายได้ถึง 92 คัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มฟื้น เราจึงมีความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจปี 53 อย่างมาก จึงได้จัดสรรงบประมาณในการทำการตลาดและกิจกรรมต่างๆตลอดปี 2553 ไว้กว่า 20 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายทั้งปีอยู่ที่ 800 คัน หรืออัตราเติบโตประมาณ 15% ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำให้สำเร็จตามเป้าได้ไม่ยาก และสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างแน่นอน” นายพีรศุษม์กล่าว
นางอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2553 บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก โดยเฉพาะด้านสินค้าจะยังคงคัดสรรรถรุ่นยนต์ใหม่ๆ ที่อยู่ในความสนใจของตลาดเข้ามานำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 คาดว่าจะมีการนำรถยนต์ระดับเวิลด์คลาสเข้ามาเปิดตลาดอีกไม่น้อยกว่า 4-5 รุ่น และได้เพิ่มแบรนด์ชุดแต่งจากเดิมที่มีเพียงแบรนด์เดียวคือ วาลด์ (WALD) เป็นทั้งหมด 3 แบรนด์ โดยได้เพิ่มแบรนด์อิมพัลซ์ (IMPUL) และโรแจม (ROJAM) เพื่อเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า”
ส่วนด้านงานบริการซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของอีตั้นที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในฐานะผู้นำของตลาด โดยที่ผ่านมาเราได้ใช้เทคโนโลยีไอที Automotive Service Management Solution เข้ามาช่วยให้การจัดเก็บและบันทึกข้อมูลของลูกค้าเป็นไปในลักษณะเรียลไทม์ พร้อมการบริหารสต็อกอะไหล่ด้วยระบบบาร์โคดและการจัดเก็บแบบ FIFO ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริการให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนั้น อีตันยังเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อที่จะเติมเต็มการให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องยนตกรรมและไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบวงจร
นางอัจฉรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปบริษัทฯจะเริ่มใช้ประโยชน์จากระบบไอทีที่เราพัฒนาในการบริหารจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า โดยจะนำข้อมูลไปประมวลเพื่อนำไปสู่การจัดกิจกรรม CRM ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมให้กับกลุ่มครอบครัวเพื่อการพักผ่อนและบันเทิงเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมที่จะเชิญชวนทั้งพนักงงาน ลูกค้า และผู้บริหารร่วมทำความดีและประโยชน์ให้กับสังคมซึ่งถือเป็นเจตนารมณ์หลักของอีตั้น โดยเราจะมุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสังคมไปในด้านการส่งเสริมเยาวชนและการศึกษา เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและบริการของอีตั้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าตลอดไป