ข่าวในประเทศ – ฮีโน่ ส่งรถNGVโฉมใหม่เพิ่ม 2 รุ่น รับกระแสน้ำมันดีเซลขาขึ้น ตั้งเป้าขาย 1,500 คัน ครองแชร์75% ของรถบรรทุกNGVทั้งระบบ เผยรถNGVเริ่มขาดตลาดสั่งต้องรอ 3 เดือน ส่วนตลาดรวมรถบรรทุกคาดโต 10% แตะ 19,000 คัน เป้าขายทั้งปี 8,000 คัน
อำนวย พงษ์วิจารณ์ กรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมรถบรรทุกในปี2552 มียอดขายประมาณ 17,000 คัน ตกลงจากปีก่อนหน้าราว5% โดยแบ่งเป็นรถเครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงNGVทั้งสิ้น 635 คัน ส่วนที่เหลือเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซล
สำหรับ ฮีโน่ มียอดขายทั้งสิ้น 6,923 คัน หรือลดลงจากปีที่ผ่านมา 3.2% ซึ่งถือว่าลดลงน้อยกว่าตลาด โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจำหน่ายไว้ทั้งสิ้น 8,000 คัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 19,000 คันหรือโตขึ้นราว 10% แบ่งเป็นสัดส่วนการขายจากรถดีเซลราว 6,500 คันและรถNGV 1,500 คัน
“จากกระแสภาวะน้ำมันดีเซลราคาแพงเมื่อปี 2551 ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งเริ่มหันมาสนใจรถที่ใช้เชื้อเพลิงNGVมากขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงต่ำ อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลถูกลงมาก ทำให้ตลาดรถNGVชะลอตัว แต่ช่วงต้นปีนี้ราคาน้ำมันดีเซลเริ่มถีบตัวสูงขึ้นและคาดว่าจะแตะถึงลิตร30บาท”อำนวยกล่าวและว่า
ดังนั้นเพื่อรองรับและตอบสนองความต้องดังกล่าวของลูกค้า บริษัทจึงทำการเปิดตัวรถบรรทุกใช้เชื้อเพลิงNGVเพิ่มจำนวน 2 รุ่นได้แก่ รถบรรทุก 6 ล้อ 1 รุ่นและรถบรรทุก 10 ล้ออีก 1 รุ่น ทำให้ฮีโน่มีรถNGVทำตลาดรวมทั้งสิ้น 3 รุ่น โดยมีจุดเด่นที่ระยะการเดินทางของรถมากถึง 560 กม. ต่อการเติมแก๊สNGVเต็ม 1 ครั้ง รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อระยะทางที่ต่ำกว่ารถแบบดีเซลถึงกว่าเท่าตัว
ซึ่งกระแสความต้องรถบรรทุกNGVตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมามีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยมียอดจองค้างส่งอยู่ถึงกว่า 300 คัน และหากลูกค้าที่จะสั่งรถใหม่จำเป็นต้องรอรถนานถึง 3 เดือน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการลดกำลังการผลิตเมื่อปี2551 ทำให้ขาดแคลนแรงงานในสายการผลิต
อำนวย พงษ์วิจารณ์ กรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมรถบรรทุกในปี2552 มียอดขายประมาณ 17,000 คัน ตกลงจากปีก่อนหน้าราว5% โดยแบ่งเป็นรถเครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงNGVทั้งสิ้น 635 คัน ส่วนที่เหลือเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซล
สำหรับ ฮีโน่ มียอดขายทั้งสิ้น 6,923 คัน หรือลดลงจากปีที่ผ่านมา 3.2% ซึ่งถือว่าลดลงน้อยกว่าตลาด โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจำหน่ายไว้ทั้งสิ้น 8,000 คัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 19,000 คันหรือโตขึ้นราว 10% แบ่งเป็นสัดส่วนการขายจากรถดีเซลราว 6,500 คันและรถNGV 1,500 คัน
“จากกระแสภาวะน้ำมันดีเซลราคาแพงเมื่อปี 2551 ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งเริ่มหันมาสนใจรถที่ใช้เชื้อเพลิงNGVมากขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิงต่ำ อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลถูกลงมาก ทำให้ตลาดรถNGVชะลอตัว แต่ช่วงต้นปีนี้ราคาน้ำมันดีเซลเริ่มถีบตัวสูงขึ้นและคาดว่าจะแตะถึงลิตร30บาท”อำนวยกล่าวและว่า
ดังนั้นเพื่อรองรับและตอบสนองความต้องดังกล่าวของลูกค้า บริษัทจึงทำการเปิดตัวรถบรรทุกใช้เชื้อเพลิงNGVเพิ่มจำนวน 2 รุ่นได้แก่ รถบรรทุก 6 ล้อ 1 รุ่นและรถบรรทุก 10 ล้ออีก 1 รุ่น ทำให้ฮีโน่มีรถNGVทำตลาดรวมทั้งสิ้น 3 รุ่น โดยมีจุดเด่นที่ระยะการเดินทางของรถมากถึง 560 กม. ต่อการเติมแก๊สNGVเต็ม 1 ครั้ง รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อระยะทางที่ต่ำกว่ารถแบบดีเซลถึงกว่าเท่าตัว
ซึ่งกระแสความต้องรถบรรทุกNGVตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมามีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยมียอดจองค้างส่งอยู่ถึงกว่า 300 คัน และหากลูกค้าที่จะสั่งรถใหม่จำเป็นต้องรอรถนานถึง 3 เดือน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการลดกำลังการผลิตเมื่อปี2551 ทำให้ขาดแคลนแรงงานในสายการผลิต
