กมธ.วุฒิฯ สรุปรัฐบาลเลิกเพ้อฝันหาผลประโยชน์จากโครงการรถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4 พันคันเสียที แฉอุปสรรคทั้งสถานีจ่ายแก๊สไม่เพียงพอ การจัดหาพื้นที่ให้กับ ปตท.แนะให้สภาพัฒน์เลิกดันทุรังศึกษาผลดีผลเสีย ย้ำแท้งก่อนคลอดแน่
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณาโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันว่า หลังจากเชิญผู้บริหารของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาชี้แจงถึงแนวทางการสนับสนุน โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีของ ขสมก. ทำให้ทราบว่าโครงการดังกล่าวเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากปล่อยให้มีรถเมล์เอ็นจีวีออกมาอีก 4 พันคันก็จะไม่มีสถานที่เติมแก๊สเอ็นจีวีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้มีสถานีเติมแก๊สเอ็นจีวีอยู่เพียง 3 แห่ง คือ รังสิต บางเขน และแสมดำ สามารถรองรับรถเอ็นจีวีได้เพียงแค่ 960 คันเท่านั้น ที่เหลืออีก 3,000 คัน ขอถามว่า ขสมก.จะไปเติมที่ไหน
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เกรงว่า ขสมก.จะต้องเสียเวลาในการนำรถวิ่งจากอู่ไปเติมแก๊สในระยะทางไกล และ ขสมก.ยังไม่สามารถจัดหาสถานที่ก่อสร้างสถานีเติมแก๊สให้ ปตท.ได้ เพราะหากมีการตั้งสถานีเติมแก๊สจะต้องมีการเช่าสถานที่ระยะยาวถึง 20 ปี แต่โครงการนี้ทำเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรดันทุรังโครงการดังกล่าวอีกต่อไป และขอให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยุติการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้ได้แล้ว
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานอนุกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ วุฒิสภา กล่าวเสริมว่า จากการจัดเสวนาในเรื่องโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันไปแล้ว ทำให้เห็นว่าควรยุติโครงการนี้ได้แล้ว เพราะจะสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม และความไม่พร้อมของสถานีเติมแก๊ส รวมถึงความไม่โปร่งใสของโครงการ รัฐบาลจึงควรจะหันไปศึกษาพลังงานทางเลือกอื่นเช่นพลังงานไฟฟ้า เพราะจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมมากกว่า
