xs
xsm
sm
md
lg

โปรตอนมั่นปีเสือโตเท่าตัวชูเอ็กซ์โซรา-เก๋งใหม่ดันยอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - “โปรตอน” ติดปีกปีเสือ หลังเอ็กซ์โซรา ติดลมบนด้วยยอดขายถล่มทลายปลายปียาวมาถึงปีนี้จนลูกค้าต้องร้องเพลงรอ บิ๊กบอสสุดมั่น “เอ็กซ์โซรา” จะเป็นหัวหอกในการผลักดันยอดขายบรรลุ 6,000 คัน รวมกับรถเก๋งใหม่คือ “ซาก้า” ตัวถังซีดาน เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ราคาเด็ก ที่เตรียมนำเข้ามาเสริมโปรดักต์เดิมที่บางรุ่นอาจจะไมเนอร์เชนจ์และออกรุ่นพิเศษ พร้อมทุ่มงบการตลาด 150 ล้านบาทเพื่อทำโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ ควบคู่ไปด้วย อีกทั้งเดินหน้าเพิ่มโชว์-ศูนย์บริการทั่วประเทศ....งานนี้ตอกฝาโลงบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างแน่นหนา

หลังเปิดตัวรถอเนกประสงค์โปรตอน “เอ็กซ์โซรา” ด้วยราคาที่ลูกค้าสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก (ราคาช่วงแนะนำ 6.99-7.99 แสนบาท ล่าสุดปรับราคาขึ้น 20,000 บาทต่อรุ่น) ส่งผลให้ยอดจองเอ็กซ์โซราพุ่งกระฉูดจนลูกค้าต้องรอนานถึง 2-3 เดือนหากจองวันนี้ และกลายเป็นรถที่คนพูดถึงมากสุดถ้าอยากได้รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ราคาย่อมเยาว์

เรื่องนี้ ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครออโตเซลส์ จำกัด เปิดเผยกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ว่าปัจจุบัน โปรตอน เอ็กซ์โซรามียอดจองกว่า 1,400 คัน โดยลูกค้าที่จองรถปลายปีที่แล้วหรือภายในงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป” จะได้รับรถปลายเดือนมกราคม เป็นต้นไป แต่ถ้าหากใครจองหลังจากนั้นต้องรอรถนาน 2-3 เดือน ทั้งนี้เพราะบริษัทแม่ที่มาเลเซียต้องผลิตรถรุ่นนี้จำหน่ายในมาเลเซียเช่นกัน แถมยังขายดีไม่แพ้ประเทศไทยอีกด้วย

แน่นอนการที่โปรตอน เอ็กซ์โซรา สามารถกวาดยอดจองถล่มทลาย เป็นผลมาจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า เพราะภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากประเทศอาเซียนลดลงเหลือ 0 % เริ่ม 1 มกราคม 2553 จึงทำให้ราคาของโปรตอน เอ็กซ์โซรา ไม่แพงอย่างที่คิด ซึ่ง ธวัชชัย เพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า บริษัทฯตั้งราคาเอ็กซ์โซราในพิกัดภาษี 0 % ตั้งแต่แรกและถือเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับสเปกต่างๆของรถ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ตัวถังขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวาง พร้อมความอเนกประสงค์อีกเพียบ นั่นหมายความว่าถ้าไม่มีข้อตกลงอาฟต้าคงไม่ได้เห็นราคาเริ่มต้น 7 แสนบาทแน่นอน

ในเมื่อบอสใหญ่การันตีว่าราคา เอ็กซ์โซลา มีผลมาจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าโมเดลอื่นๆที่ขายมาก่อนหน้าจะมีการปรับราคาขายลดลงมาหรือไม่?

“เราต้องมองให้ชัดว่า 5% ที่ลดลงมา ไม่ได้คิดจากราคาขายรถ คือเราต้องเทียบจากราคานำเข้า ซึ่งถ้าคิดเป็นเม็ดเงินต่อคันแล้วไม่เยอะ ที่สำคัญเรายังมีค่าการตลาด ค่าบริหารจัดการต่างๆ รวมถึงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รถยนต์โปรตอนทุกรุ่นไม่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นเลย แม้จะถูกวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่เรายังขายราคาเดิมมาตลอด ดังนั้นส่วนต่างตรงนี้จึงมาชดเชยกันพอดี”ธวัชชัย กล่าว

...ชัดเจนจากปากบอสใหญ่ว่า โปรตอนทุกรุ่นที่ขายอยู่เดิม จะไม่มีการปรับราคาขาย!

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน เอ็กซ์โซรา ได้กลายเป็นพระเอกคนใหม่ของโปรตอนไปแล้ว จึงไม่แปลกที่แผนงานค่ายรถมาเลเซียจะยกให้ โปรตอน เอ็กซ์โซรา เป็นหัวหอกหลักในการผลักดันยอดขายปีนี้ทะลุ 6,000 คัน หรือเติบโตเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ขายได้กว่า 3,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็น แซฟวี่ 50 % เพอร์โซนา (รุ่นเบนซิน และซีเอ็นจี) 30 % ที่เหลือเป็นของนีโอ และเจน-ทู อย่างละ 10 %


“ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้า คือเราตั้งเป้าไว้ 4,000 คัน แต่พอสิ้นปีสามารถทำได้แค่ 3,000 กว่าคัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบางช่วงเราไม่สามารถส่งมอบรถได้ทันกับความต้องการของลูกค้า แต่มาปีนี้ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเอ็กซ์โซลา น่าจะทำยอดขายเกิน 3,000 คัน ขณะที่แซฟวีที่เคยเป็นตัวขายหลักอาจทำยอดลดลงหรือ 1,000 คัน เพราะในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กมีคู่แข่งมากขึ้น”

ธวัชชัย กล่าวต่อว่า นอกจากรถทั้ง 5 รุ่นที่มีอยู่ในมือแล้ว ในปีนี้คาดว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เตรียมนำเข้ามาเสริมตลาดเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชัดเจนว่าจะนำเข้ารุ่นใด แต่หากพิจารณาโปรดักต์ที่น่าสนใจของโปรตอนโดย “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง”คงหนีไม่พ้น “โปรตอน ซาก้า” เก๋งซีดานขนาดเล็ก 4 ประตู ซึ่งซาก้าถือเป็นรถรุ่นบุกเบิกของโปรตอน มาเลเซีย และทำตลาดมายาวนานจนสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ

สำหรับโปรตอน ซาก้า มากับตัวถังซีดาน พกเครื่องยนต์เบนซินแคมโปร 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และธรรมดา 5 สปีด โดดเด่นด้วยช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจาก “โลตัส” ประเทศอังกฤษ ซึ่งถ้านำเข้ามาทำตลาดจริงระดับราคาน่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่ารุ่นแซฟวี่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตามรุ่นที่ทำตลาดเดิม โปรตอนก็ตรียมไมเนอร์เชนจ์ หรือออกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเพื่อกระตุ้นความสดใหม่ให้สินค้าเช่นกัน

นอกจากนี้ เพื่อให้ยอดขายบรรลุผลสำเร็จตามที่วางไว้ บริษัทเตรียมงบการตลาด 150 ล้านบาท เพื่อใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการออกอีเวนท์ทั้งงาน “บางกอกมอเตอร์โชว์” ที่ปีนี้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ในการขยายพื้นที่จัดงานมากกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเตรียมออกงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ปลายปีเช่นกัน

“การออกงานมอเตอร์โชว์ เราไม่ได้หวังยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่หวังจะให้ผู้บริโภครับรู้ถึงแบรนด์ พร้อมสร้างความมั่นใจว่า เราจริงใจในการทำตลาดรถโปรตอนอย่างแท้จริง”

นั่นเป็นแผนการตลาดส่วนหนึ่งที่พจะเปิดเผยได้ของโปรตอน แต่ในอีกด้านมีข่าวลือหนาหู หรือมีลูกค้าบางส่วนสงสัยว่า ต่อไปในอนาคต บริษัทแม่ หรือโปรตอน โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย จะเข้ามาทำตลาดแทนที่พระนครออโตเซลส์ ยิ่งเห็นสัญญาณจากการเข้ามาตั้งบริษัทของตนเองคือ โปรตอน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ควบคู่ไปด้วยนั้น แสดงถึงนัยยะใดหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ ธวัชชัยกล่าวชัดเจนว่า

การที่บริษัทแม่มาตั้งออฟฟิศในเมืองไทยถือเป็นเรื่องดี โดยบริษัทฯดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของพระนครออโตเซลส์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิค เรื่องบริการหลังการขาย และอะไหล่ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้การติดต่อระหว่างกันรวดร็วและเข้าใจกันง่ายขึ้น

“ถ้าเขา (บริษัทแม่)จะมาทำตลาดในไทยด้วยตนเอง คงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว ที่สำคัญการทำตลาดของพระนครฯในช่วงที่ผ่านมามีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ และเขาถือว่าไทยเป็นตลาดสำคัญของโปรตอนในภูมิภาคนี้ ส่วนข่าวลือที่ว่า เราจะเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นการนั้นไม่เป็นความจริงแน่นอน” ธวัชชัยกล่าวและว่า

นอกจากการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง รวมถึงการเสริมโปรดักต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าแล้ว บริษัทยังพยายามสร้างความมั่นใจด้วยการบริการหลังการขาย โดยเฉพาะโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน ที่ปัจจุบันมี 40 แห่งทั่วประเทศ ปีนี้บริษัทเตรียมขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง รวมเป็น 45 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

...ชัดเจนจากปากบอสใหญ่ว่า พระนครออโตเซลส์ ยังตั้งใจเป็นผู้แทนจำหน่ายโปรตอนอย่างเป็นทางการ ไม่มีวันทิ้งไปไหน!

ธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โปรตอนถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาดไทย จนถึงวันนี้ดำเนินกิจการเข้าสู่ 3 ปี โดยที่ผ่านมาได้การตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี ขณะที่ยอดขายระดับ 3,000 คัน หรือเป้าหมายในปีนี้ 6,000 คันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นส่วนตัวแล้วพอใจมาก และถือว่าบริษัทประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจคนไทย หรือเป็นตัวเลือกระดับต้นๆในการเลือกซื้อรถ

ประเด็นสุดท้ายธวัชชัย มองตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ว่า จะมีแนวโน้มสดใสกว่าปี ที่ผ่านมาเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ราคาน้ำมันไม่น่าจะผันผวนมาก ส่งผลให้ตลาดรถยนต์รวมกลับมาแตะระดับ 6 แสนคันได้ไม่ยาก ทั้งนี้ในเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กยังคงได้รับความนิยม และมียอดขายขยายตัวต่อเนื่อง

ทั้งหมดคือ ความเคลื่อนไหว เป้าหมาย และทิศทางในอนาคตของโปรตอน ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องใช้เวลาพิสูจน์
กำลังโหลดความคิดเห็น