เดินทางเข้าๆ ออกๆ ประเทศมาเลเซียมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยเลยที่จะขับรถจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ชม TWIN TOWER ตึกแฝดสูงที่สุดในโลก และยังได้ออกจากถนนไฮเวย์มุ่งสู่ดินแดนบนเขาสูง อย่าง “คาเมรอน” และ “เก็นติ้ง” ซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่อากาศเย็นอย่างกับเมืองหนาว โดยเฉพาะคาเมรอนที่เป็นแหล่งปลูกชาขึ้นชื่อขนาดใหญ่มาเลเซีย
เหตุนี้เมื่อ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรมาชวนไปร่วมทริปเปิด “ประตูสู่ดินแดนแหลมมลายู” ระยะทางกว่า 3,000 กม. จึงได้ตอบตกลงทันที ถึงจะมีงานมากมายกองอยู่เต็มข้างหน้าก็ตาม...
แม้จะนอนซะกว่าตี 3 และต้องตื่นตั้งแต่ไปให้ทันนัดเวลา 06.00 น. แต่ผมก็ขออาสาเป็นมือแรกควบเจ้ามาสด้า3 สีขาว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เพื่อนเก่าที่เคยได้ใช้หลายครั้ง จากกรุงเทพฯ ไปจนถึงประจวบคีรีขันธ์ สาเหตุที่ต้องขอขับก่อนเพราะไม่อยากเจอแดดเปรี้ยงแยงตา จนเผลอวูบเกิดอุบัติเหตุไปไม่ถึงมาเลเซียเสียก่อน จากนั้นจึงจะปล่อยให้กับ “พี่รณชิต” แห่งค่าย Auto Special รับไม้ต่อไปจนถึงหาดใหญ่จุดพักคืนแรก
เพียงแป๊บเดียวความคุ้นเคยก็กลับมา เพื่อนเก่าคันเก่งจึงพุ่งทะยานไปอย่างใจ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่โดนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแซง การทรงตัว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาอย่างเหมาะสม หากให้ยกนิ้วขึ้นมาลำดับรถในใจ บอกได้ว่านับไปไม่เกิน 2 นิ้วแน่ๆ แต่ ณ ที่นี้หมายถึงรุ่น 2.0 ลิตร ไม่ใช่ 1.6 ลิตร นะจะบอกให้
เช้าของวันใหม่ เราออกเดินทางจากหาดใหญ่ มุ่งไปด่านสะเดาทำเรื่องผ่านแดน จากนั้นผมรับหน้าที่ขับเจ้ามาสด้าอีกครั้ง ด้วยถนนไฮเวย์โล่งๆ ไปจนถึงเมืองอีโปร์ของเมเลเซีย ถึงจะมีกฎหมายกำหนดความเร็วเอาไว้แต่เห็นรถเพื่อนชาวมาเลเซียไม่สนใจ เลยขอซัดตามเจ้าบ้านบ้าง เพียงแต่ดูจังหวะถ้าเขาถอยเมื่อไหร่ เราก็ถอนคันเร่งตาม แต่ถึงอย่างนั้นขากลับรถพรรคพวกยังโดนตำรวจจับจนได้ เรียกว่าคนทำผิดก็ต้องรับโทษไป(แต่ตำรวจมาเลเซียคงได้รับอิทธิพลตำรวจไทย งานนี้จึงไม่โดนใบสั่งให้กระเป๋าได้ฉีก)
จากอีโปร์แยกไปยังเมืองคาเมรอน ทางเริ่มไต่ระดับขึ้นสู่ขุนเขา และทางเป็นเลนสวน แถมฝนเจ้ากรรมยังกระหน่ำมาอีก ทำให้การขับรถต้องระวัง จนเมื่อขึ้นสู่ยอดเขาลูกหนึ่งสู่อีกลูกหนึ่ง จากเม็ดฝนกลายเป็นหมอกขาวลอยคลอเคลีย ผ่านขุนเขาและถนนแทบจะไม่เห็นคันข้างหน้า เรียกว่า…สวยก็สวย... อันตรายก็อันตราย!
คาเมรอนไฮแลนด์ เป็นดินแดนอันสงบ บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 เมตร อากาศเย็นสบายบริสุทธ์ตลอดปี และมีป่าไม้เขียวขจี จึงเป็นสถานที่พักตากอากาศของชาวต่างชาติมานาน และยังเป็นดินแดนที่ “จิม ทอมสันป์” ผู้สร้างชื่อผ้าไหมไทยให้ก้องโลก ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อในอดีต โดยไม่ทราบว่ายังอยู่หรือตายไปแล้วจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้คาเมรอนยังเป็นแหล่งปลูกชาที่ขึ้นชื่อ ไร่ชาที่ปลูกเป็นแถวยาวสุดสายตาบนขุนเขา เป็นอีกภาพที่ผู้มาคาเมรอนพลาดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพ และนั่งจิปชาร้อนๆ ชมภาพอันสวยงาม ก่อนปิดท้ายช็อปปิ้งชาชนิดต่างๆ มากมายเอาไปฝากคนทางบ้าน
วันใหม่เราต้องอำลาคาเมรอนไฮแลนด์สู่นครหลวงกัวลาลัมเปอร์ เมืองที่ผู้คนจำนวนกว่าล้านคนอาศัยอยู่ โดยผสมผสานวิถีชีวิตเก่าและใหม่อย่างลงตัว เช่นเดียวกับที่พักอาศัยมีทั้งอาคารเก่าและอาคารใหม่ทันสมัยคละกันไป ซึ่งรวมเอาอิทธิพลสถาปัตยกรรมหลายเชื้อชาติไว้ด้วยกัน ทั้งมัวร์ อิสลาม ทูดอร์ มินิบังกาบาว และศิลปกรรมร่วมสมัย และที่พลาดไม่ได้ตึกปิโตรนาส TWIN TOWER ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก 542 เมตร
ในวัดถัดมาเรา อำลากัวลาลัมเปอร์สู่ปุตราจายา เมืองศูนย์ราชการใหม่ของมาเลเซีย ที่นำหน่วยงานราชการมารวมไว้ที่เดียวกัน รวมทั้งบ้านพักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล มัสยึดกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างที่หามูลค่าไม่ได้
ช่วงบ่ายมาสด้ายังพาไปปีนความสูงระดับ 2,000 เมตร ของยอดเขาเกนติ้ง ที่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์เพียง 50 กม.เท่านั้น เพื่อไปสนุกสุดเหวี่ยงสถาบันครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช็อปปิ้ง สวนสนุกสำหรับเด็กๆ และคาสิโน แต่เรื่องการพนันขอบอกว่าไม่ถนัด จึงได้แต่นั่งจิบน้ำอำพันดูผู้คนไม่รู้กี่พันกี่หมื่นแห่กันมาที่นี่
นับเป็นการส่งท้ายตะลุยของสูง บนแผ่นดินเสือเหลืองกับ “มาสด้า3” ที่หลากใจสุดๆ ก่อนจะไปยังเมืองปีนังและกลับสู่ประเทศไทยบ้านของเรา...
เหตุนี้เมื่อ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรมาชวนไปร่วมทริปเปิด “ประตูสู่ดินแดนแหลมมลายู” ระยะทางกว่า 3,000 กม. จึงได้ตอบตกลงทันที ถึงจะมีงานมากมายกองอยู่เต็มข้างหน้าก็ตาม...
แม้จะนอนซะกว่าตี 3 และต้องตื่นตั้งแต่ไปให้ทันนัดเวลา 06.00 น. แต่ผมก็ขออาสาเป็นมือแรกควบเจ้ามาสด้า3 สีขาว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เพื่อนเก่าที่เคยได้ใช้หลายครั้ง จากกรุงเทพฯ ไปจนถึงประจวบคีรีขันธ์ สาเหตุที่ต้องขอขับก่อนเพราะไม่อยากเจอแดดเปรี้ยงแยงตา จนเผลอวูบเกิดอุบัติเหตุไปไม่ถึงมาเลเซียเสียก่อน จากนั้นจึงจะปล่อยให้กับ “พี่รณชิต” แห่งค่าย Auto Special รับไม้ต่อไปจนถึงหาดใหญ่จุดพักคืนแรก
เพียงแป๊บเดียวความคุ้นเคยก็กลับมา เพื่อนเก่าคันเก่งจึงพุ่งทะยานไปอย่างใจ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่โดนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแซง การทรงตัว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาอย่างเหมาะสม หากให้ยกนิ้วขึ้นมาลำดับรถในใจ บอกได้ว่านับไปไม่เกิน 2 นิ้วแน่ๆ แต่ ณ ที่นี้หมายถึงรุ่น 2.0 ลิตร ไม่ใช่ 1.6 ลิตร นะจะบอกให้
เช้าของวันใหม่ เราออกเดินทางจากหาดใหญ่ มุ่งไปด่านสะเดาทำเรื่องผ่านแดน จากนั้นผมรับหน้าที่ขับเจ้ามาสด้าอีกครั้ง ด้วยถนนไฮเวย์โล่งๆ ไปจนถึงเมืองอีโปร์ของเมเลเซีย ถึงจะมีกฎหมายกำหนดความเร็วเอาไว้แต่เห็นรถเพื่อนชาวมาเลเซียไม่สนใจ เลยขอซัดตามเจ้าบ้านบ้าง เพียงแต่ดูจังหวะถ้าเขาถอยเมื่อไหร่ เราก็ถอนคันเร่งตาม แต่ถึงอย่างนั้นขากลับรถพรรคพวกยังโดนตำรวจจับจนได้ เรียกว่าคนทำผิดก็ต้องรับโทษไป(แต่ตำรวจมาเลเซียคงได้รับอิทธิพลตำรวจไทย งานนี้จึงไม่โดนใบสั่งให้กระเป๋าได้ฉีก)
จากอีโปร์แยกไปยังเมืองคาเมรอน ทางเริ่มไต่ระดับขึ้นสู่ขุนเขา และทางเป็นเลนสวน แถมฝนเจ้ากรรมยังกระหน่ำมาอีก ทำให้การขับรถต้องระวัง จนเมื่อขึ้นสู่ยอดเขาลูกหนึ่งสู่อีกลูกหนึ่ง จากเม็ดฝนกลายเป็นหมอกขาวลอยคลอเคลีย ผ่านขุนเขาและถนนแทบจะไม่เห็นคันข้างหน้า เรียกว่า…สวยก็สวย... อันตรายก็อันตราย!
คาเมรอนไฮแลนด์ เป็นดินแดนอันสงบ บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 เมตร อากาศเย็นสบายบริสุทธ์ตลอดปี และมีป่าไม้เขียวขจี จึงเป็นสถานที่พักตากอากาศของชาวต่างชาติมานาน และยังเป็นดินแดนที่ “จิม ทอมสันป์” ผู้สร้างชื่อผ้าไหมไทยให้ก้องโลก ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อในอดีต โดยไม่ทราบว่ายังอยู่หรือตายไปแล้วจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้คาเมรอนยังเป็นแหล่งปลูกชาที่ขึ้นชื่อ ไร่ชาที่ปลูกเป็นแถวยาวสุดสายตาบนขุนเขา เป็นอีกภาพที่ผู้มาคาเมรอนพลาดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพ และนั่งจิปชาร้อนๆ ชมภาพอันสวยงาม ก่อนปิดท้ายช็อปปิ้งชาชนิดต่างๆ มากมายเอาไปฝากคนทางบ้าน
วันใหม่เราต้องอำลาคาเมรอนไฮแลนด์สู่นครหลวงกัวลาลัมเปอร์ เมืองที่ผู้คนจำนวนกว่าล้านคนอาศัยอยู่ โดยผสมผสานวิถีชีวิตเก่าและใหม่อย่างลงตัว เช่นเดียวกับที่พักอาศัยมีทั้งอาคารเก่าและอาคารใหม่ทันสมัยคละกันไป ซึ่งรวมเอาอิทธิพลสถาปัตยกรรมหลายเชื้อชาติไว้ด้วยกัน ทั้งมัวร์ อิสลาม ทูดอร์ มินิบังกาบาว และศิลปกรรมร่วมสมัย และที่พลาดไม่ได้ตึกปิโตรนาส TWIN TOWER ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก 542 เมตร
ในวัดถัดมาเรา อำลากัวลาลัมเปอร์สู่ปุตราจายา เมืองศูนย์ราชการใหม่ของมาเลเซีย ที่นำหน่วยงานราชการมารวมไว้ที่เดียวกัน รวมทั้งบ้านพักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล มัสยึดกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างที่หามูลค่าไม่ได้
ช่วงบ่ายมาสด้ายังพาไปปีนความสูงระดับ 2,000 เมตร ของยอดเขาเกนติ้ง ที่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์เพียง 50 กม.เท่านั้น เพื่อไปสนุกสุดเหวี่ยงสถาบันครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช็อปปิ้ง สวนสนุกสำหรับเด็กๆ และคาสิโน แต่เรื่องการพนันขอบอกว่าไม่ถนัด จึงได้แต่นั่งจิบน้ำอำพันดูผู้คนไม่รู้กี่พันกี่หมื่นแห่กันมาที่นี่
นับเป็นการส่งท้ายตะลุยของสูง บนแผ่นดินเสือเหลืองกับ “มาสด้า3” ที่หลากใจสุดๆ ก่อนจะไปยังเมืองปีนังและกลับสู่ประเทศไทยบ้านของเรา...