ข่าวต่างประเทศ - หลังจากเปิดเผยว่าจะเก็บแบรนด์โอเปิลเอาไว้ในเครือเพื่อทำตลาดต่อไปได้ไม่นาน ทางจีเอ็มก็พบกับข่าวดีในรอบเกือบ 2 ปี เมื่อตัวเลขยอดขายรถยนต์ของตลาดสหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือนนับจากเดือนมกราคม 2008
แม้สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากจะไม่ใช่ตัวเลขที่หวือหวามาก แต่ยอดขายเดือนตุลาคา 2009 มีการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4% ด้วยยอดขาย 177,603 คัน โดย 95% ของยอดขายมาจาก 4 แบรนด์หลักของเครือ คือ เชฟโรเลต, แคดิลแล็ก, จีเอ็มซี และบูอิก
‘เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่รถยนต์ของเรากลับมาได้รับความนิยมและการยอมรับจากลูกค้าอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มของปิกอัพ ครอสโอเวอร์ และเอสยูวีรุ่นใหม่ๆ’ Susan Docherty รองประธานด้านฝ่ายขายของจีเอ็ม สหรัฐอเมริกากล่าว ‘ขณะที่เรายังมีงานอีกมากรอให้ทำอยู่ แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในงานที่เรากำลังทำ และแน่นอนว่าเราจะต้องมุ่งเน้นและให้สนใจกับรถยนต์ที่สามารถตอบสนองกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าผ่านทาง 4 แบรนด์หลักของเราอย่างเชฟโรเลต, แคดิลแล็ก, จีเอ็มซี และบูอิก'
สำหรับข่าวการประกาศไม่ขายกิจการของโอเปิลนั้น ตอนนี้มีการแต่งตั้งหัวเรือชั่วคราวเพื่อควบคุมและดูแลบอร์ดบริหารของโอเปิลขึ้นมาทำงาน โดยทางจีเอ็มได้แต่งตั้งบ็อบ ลุตซ์ให้เข้าดูแลในส่วนของประธานบอร์ดบริหารของโอเปิล ซึ่งในปัจจุบัน ลุตซ์เป็นรองประธานของจีเอ็มที่ดูแลในส่วนของฝ่ายการตลาดและการสื่อสารองค์กร อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งนิค ไรลีย์เข้ามารับผิดชอบในเรื่องของส่วนบริหารของโอเปิลและวอกซ์ฮอลล์จนกว่าจะมีการคัดเลือกทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารงานจนเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ทางรัฐบาลเยอรมนีดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับการตัดสินใจที่ทางจีเอ็มจัดการล้มกระดานการขายกิจการให้กับทาง Magna เพราะว่าตามแผนการของ Magna นั้น การปรับโครงสร้างของโอเปิลเพื่อลดค่าใช้จ่ายนั้นจะไม่ค่อยเน้นที่การเลย์ออฟคนงานในฐานการผลิตที่เยอรมนีมากเท่าไรนัก แต่หันไปเน้นการปลดคนงานในโรงงานของจีเอ็มที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรปแทน
แม้สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากจะไม่ใช่ตัวเลขที่หวือหวามาก แต่ยอดขายเดือนตุลาคา 2009 มีการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4% ด้วยยอดขาย 177,603 คัน โดย 95% ของยอดขายมาจาก 4 แบรนด์หลักของเครือ คือ เชฟโรเลต, แคดิลแล็ก, จีเอ็มซี และบูอิก
‘เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่รถยนต์ของเรากลับมาได้รับความนิยมและการยอมรับจากลูกค้าอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มของปิกอัพ ครอสโอเวอร์ และเอสยูวีรุ่นใหม่ๆ’ Susan Docherty รองประธานด้านฝ่ายขายของจีเอ็ม สหรัฐอเมริกากล่าว ‘ขณะที่เรายังมีงานอีกมากรอให้ทำอยู่ แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในงานที่เรากำลังทำ และแน่นอนว่าเราจะต้องมุ่งเน้นและให้สนใจกับรถยนต์ที่สามารถตอบสนองกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าผ่านทาง 4 แบรนด์หลักของเราอย่างเชฟโรเลต, แคดิลแล็ก, จีเอ็มซี และบูอิก'
สำหรับข่าวการประกาศไม่ขายกิจการของโอเปิลนั้น ตอนนี้มีการแต่งตั้งหัวเรือชั่วคราวเพื่อควบคุมและดูแลบอร์ดบริหารของโอเปิลขึ้นมาทำงาน โดยทางจีเอ็มได้แต่งตั้งบ็อบ ลุตซ์ให้เข้าดูแลในส่วนของประธานบอร์ดบริหารของโอเปิล ซึ่งในปัจจุบัน ลุตซ์เป็นรองประธานของจีเอ็มที่ดูแลในส่วนของฝ่ายการตลาดและการสื่อสารองค์กร อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งนิค ไรลีย์เข้ามารับผิดชอบในเรื่องของส่วนบริหารของโอเปิลและวอกซ์ฮอลล์จนกว่าจะมีการคัดเลือกทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารงานจนเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ทางรัฐบาลเยอรมนีดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับการตัดสินใจที่ทางจีเอ็มจัดการล้มกระดานการขายกิจการให้กับทาง Magna เพราะว่าตามแผนการของ Magna นั้น การปรับโครงสร้างของโอเปิลเพื่อลดค่าใช้จ่ายนั้นจะไม่ค่อยเน้นที่การเลย์ออฟคนงานในฐานการผลิตที่เยอรมนีมากเท่าไรนัก แต่หันไปเน้นการปลดคนงานในโรงงานของจีเอ็มที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรปแทน