xs
xsm
sm
md
lg

วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี “ขับเฟียต ขายเฟอร์รารี่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชื่อของ “จ๊ะ” หรือ “วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี” แวดวงธุรกิจคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเขาคือหนึ่งในทายาทของกลุ่มสิงห์ คอร์ปอเรชั่น ที่รับบทบาทดูแลด้านภาพลักษณ์ขององค์กร ขณะที่อีกด้านหนึ่งกับธุรกิจใหม่ด้านยานยนต์ ในฐานะรองประธาน บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถสปอร์ตสุดร้อนแรงจากอิตาลี “เฟอร์รารี่”

ใครหลายคนมองว่า การเข้ามาเป็นตัวแทนขายรถยนต์เฟอร์รารี่ดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจที่เขาดูแลอยู่ แต่ใครจะรู้บ้างว่าความจริงเรื่องของ “รถยนต์” คือสุดยอดความฝัน ความผูกพัน มาทั้งชีวิต

“ความทรงจำแรกของผมเกี่ยวกับรถเริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็กอายุราว 3-4 ขวบ นั่งดูการแข่งขันรถ “ฟอร์มูล่า1” (F1) หรือรถสูตร1 กับพ่อ และรู้สึกว่า F1เป็นสุดยอดของกีฬามอเตอร์สปอร์ต รวมถึงตัวรถ ดีไซน์ และเครื่องยนต์ ที่สำคัญช่วงนั้นเป็นยุดที่รถเฟอร์รารี่ โด่งดังมาก ครองแชมป์มาโดยตลอด”

ด้วยความรู้สึกชอบจากสีสันของรถอันฉูดฉาด และอิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากพ่อที่ชอบดูF1เสมอ ทำให้เขาติดตามการแข่งขันF1ของเฟอร์รารี่ อย่างต่อเนื่องจนโต หลังจากนั้นไม่นานวรวุฒิได้สัมผัสกับรถที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจและสร้างความผูกพันระหว่างรถยนต์กับตัวเขาคือ “เฟียต อาบาร์ท” (Abarth)


เฟียต อาบาร์ท เป็นรถคันแรกที่เขานั่งแล้วประทับใจ สนุก ซึ่งตอนนั้นอายุประมาณ 9 ขวบ โดยรถคันนี้เป็นของคุณอา แต่รถคันแรกที่วรวุฒิขับเองตอนอายุ 10 ขวบเป็นรถของพี่ชาย รถเปอโยต์ 305 เครื่องยนต์ขนาด 1900 ซีซี คาร์บูเรเตอร์

“พ่อเป็นคนชอบรถมาก จำได้ว่าเด็กๆ มีรถใหม่มาให้เห็นอยู่ตลอด ส่วนรถอาบาร์ทที่ประทับใจเพราะสมรรถนะของรถมันถูกใจผมมาก ความทรงจำยังคงติดตรึงอยู่ ทั้งด้านความเร็ว การเข้าโค้ง เรียกว่าเป็นสุดยอดรถในความรู้สึกของผม”

หลังจาก วรวุฒิ ขับรถเป็นเขารับมรดกรถจากพ่อ เป็นรถ “ฮอนด้า พรีลูด” จากนั้นมาเป็น “มิตซูบิชิ อีโวลูชั่น 3” และ มาสด้า อาร์เอ็กซ์-7 อีกหนึ่งคัน (ประจำการในโรงรถมาตลอดกว่า 10 ปี จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เพิ่งขายไปเนื่องจากได้รถคันใหม่ (แต่เก่าของคนอื่น)) ชีวิตในวัยรุ่นเขาต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเรียนรู้การใช้ชีวิต และสะสมประสบการณ์เกี่ยวกับรถโดยตรง ด้วยเหตุที่พ่อต้องการให้เขารู้จักการใช้เงินและไม่ให้ฟุ่มเฟือย ดังนั้นการเรียนในต่างประเทศของเขาจะมีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายพอสมควร และมีรถให้ใช้ 1 คัน คือ “ฮอนด้า ซีวิค”

ด้วยความที่เป็นคนชอบรถมากของวรวุฒิ เขาเลือกขายฮอนด้า ซีวิคเพื่อนำเงินไปซื้อ นิสสัน สกายไลน์ (R32)โดยส่วนต่างราคา เขาเลือกวิธีการผ่อน อาศัยเงินค่าใช้จ่ายที่ได้รับในแต่ละเดือนมาผ่อนแทน เรียกว่า ขออดกินเพื่อให้ได้ขับรถที่ตัวเองชอบ

“พ่อจะสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่ให้ฟุ่มเฟือย คนเราอยากจะได้อะไรก็ต้องยอมเหนื่อยและรู้จักแลก ถ้าอยากได้รถอะไรผมก็ต้องบริหารการใช้จ่ายเอง และเรื่องซื้อรถโดยใช้เงินค่าขนมตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศ พ่อไม่เคยรู้เลย เรื่องเพิ่งจะมาแตกเมื่อไม่นานมานี้เอง”

ช่วงเวลาที่อยู่ต่างแดนวรวุฒิ มีโอกาสใช้รถหลายรุ่นหลายคันมากเช่น สกายไลน์ R33 และ ปอร์เช่ 968 เป็นต้น แน่นอนว่าทุกคันซื้อโดยอาศัยการเก็บเงินของเขาเอง ส่วนรถคันที่ประทับใจที่สุดในช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้นเขายกนิ้วให้กับ มิตซูบิชิ อีโวลูชั่น 3 เพราะเป็นรถที่ให้ความแรงแบบสัมผัสได้และอยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด


ปัจจุบันรถยนต์ส่วนตัวคันที่ใช้เป็นประจำคือ เฟียต 500 อาบาท(Abarth) รุ่นพิเศษ สีแดง ซึ่งเป็นสีที่ใช้กับรถเฟอร์รารี่เท่านั้น พร้อมตกแต่งแบบรุ่นสคูเดอเรีย มีเพียง 200 คันทั่วโลก โดยรถรุ่นนี้ทางเฟียตจะทำให้เฉพาะกับผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ(ดีลเลอร์)ของ เฟอร์รารี่ และในเมืองไทยมีเพียง 2 คัน

“ตัวรถมีน้ำหนักแค่ 1 ตัน แต่มีพละกำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า ขับสนุก แถมคล่องตัวเพราะมีขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯเป็นอย่างมาก ส่วนภายในได้รับการตกแต่งพิเศษสไตล์ สคูเดอเรีย เช่น เบาะหนังขลิบ รวมถึงการมีหมายเลขกำกับรถแต่ละคันอีกด้วย”

สำหรับรถเฟียตคันนี้ถือเป็นคันโปรดที่วรวุฒิใช้งานเกือบทุกวัน ขณะที่รถคันใหม่ที่เขาเพิ่งจะได้ครอบครองคือ “ดีโน่” นับเป็นรถเฟอร์รารี่คันแรกของตัวเองเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เฟอร์รารี่ ในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยมีรถเฟอร์รารี่เป็นของตัวเองมาก่อนมีแต่ของพ่อที่เป็นรุ่น 456

“หลังจากผมได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถเฟอร์รารี่ ก็คิดกันว่าควรจะมีรถเฟอร์รารี่ เป็นของตัวเองบ้าง ซึ่งก็คิดอยู่นานว่าจะซื้อรุ่นอะไรดี ทั้งคุณสมบัติของตัวรถและราคาที่เหมาะสม (เพราะต้องจ่ายเงินซื้อเองด้วย) จึงมาลงตัวที่ “ดีโน่” รถที่ใครบางคนอาจจะบอกว่าไม่ใช่ เฟอร์รารี่ แต่นี่คือรถต้นตระกูลของรถเครื่องยนต์วางกลาง-ขับหลังอันโด่งดังของแบรนด์ม้าลำพอง”


วรวุฒิ เล่าถึงที่มาของรถโปรดคันใหม่ว่า เขาต้องไปนั่งคุยกับเจ้าของเดิมตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนกว่าเขาจะยอมขายให้ ส่วนเรื่องราคาบอกได้แค่ว่าเกิน 10 ล้านบาท เหตุผลสำคัญของการซื้อ ดีโน่ นอกจากความชอบแล้ว ดีโน่ ยังมีส่วนสานต่อด้านการทำงานอีกด้วย เนื่องจากจะช่วยเสริมด้านภาพลักษณ์ของการขายรถเฟอร์รารี่ เมื่อโชว์รูมสร้างเสร็จเขาวางแผนจะนำคันนี้ไปจอดแสดงบนโชว์รูมด้วย

ส่วนรถในฝัน วรวุฒิ บอกว่า รถแข่งฟอร์มูล่า 1 ของเฟอร์รารี่ แต่การจะครอบครองไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ว่าปัจจุบันรถแข่งฟอร์มูล่า 1 จะมีขายอยู่ พร้อมกับการดูแลของทีมงาน และหากต้องการขับในสนามแข่งก็สามารถบอกให้ทีมงานจัดการเตรียมให้ได้ แต่นั่นหมายความว่า คุณต้องแลกด้วยเงินจำนวนมหาศาลในการเป็นเจ้าของ (ตัวเลขประมาณ 9 หลักต่อคัน)

“สักวันหนึ่ง ผมจะมีรถแข่งฟอร์มูล่า 1 ของเฟอร์รารี่อยู่ในโรงจอดรถให้ได้ นี่คือความฝันอันสูงสุด แน่นอนว่าคงต้องมาจากการทำงานและเก็บเงินของผม เพื่อซื้อความฝันชิ้นนี้ และการมาอยู่ตรงจุดนี้ (เป็นตัวแทนขายเฟอร์รารี่ ) ทำให้ยิ่งรักเฟอร์รารี่มากขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่ปฏิบัติต่อกันเป็นเหมือนครอบครัว หากไม่ร่วมงานจะไม่เคยรู้เลย”

สิ่งที่เฟอร์รารี่ให้กับผู้เป็นเจ้าของรถที่ซื้อผ่านตัวแทนอย่างถูกต้องจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายเช่น การไปเรียนขับรถแข่งกับทีมงานเฟอร์รารี่ การชมโรงงานดูขั้นตอนการผลิต รวมถึงการได้เยี่ยมชมทีมแข่ง ซึ่งทั้งหมดหากใครที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของเฟอร์รารี่จะไม่มีโอกาสเลย

สำหรับวรวุฒิแล้วการได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เฟอร์รารี่เปรียบเสมือนเรื่องเหลือเชื่อ จากความรักฝังใจกับแบรนด์ม้าลำพองในวัยเด็ก กระทั่งเวลานี้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเฟอร์รารี่ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมเขาจึงเต็มที่กับการลุยธุรกิจขายรถ......ก็เพราะมันคือ เฟอร์รารี่



กำลังโหลดความคิดเห็น