ค่าย “เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต” ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายรถมาเซอร์ราติ จากประเทศอิตาลีอย่างเป็นทางการ เปิดตัวสปอร์ตซีดานสุดหรู ควอตโตรปอร์เต้ สปอร์ต จีที เอส (Quattroporte Sport GT S) โดดเด่นด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ วี8 440 แรงม้า และความปราณีตในการออกแบบตกแต่งรอบคัน
มาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เต้ สปอร์ต จีที เอส มากับบุคลิกมาดมั่นหรูหราเต็มพิกัด ออกแบบโดยสำนัก พินินฟารีน่า (Pininfarina) พิเศษตรงโคมไฟหน้าออกแบบใหม่แตกต่างจาก Quattroporte รุ่นอื่น เดินขอบสีไททาเนียม (Titanium Finish) แผ่นสะท้อนแสงในโคมเคลือบสีเงาดำ ไฟซีนอน (XenonHeadlights) พร้อมหลอดไฟแอลอีดีแบบ Day Running Light 10 ดวง
ในส่วนไฟหน้าซีนอน จะปรับมุมส่องสว่างของโคมไฟให้สาดส่องตามการเลี้ยวโค้ง โดยประสานการทำงานกับทิศทางการหมุนของพวงมาลัย (ไม่เกิน 15 องศาทั้งซ้ายและขวา) แต่ระบบ Adaptive Light Control นี้ ปรับการทำงานสู่สภาพปกติ (คือ ไม่ส่องเลี้ยวตามโค้ง) เมื่อรถใช้ความเร็วตั้งแต่ 120 กม./ชม.ขึ้นไป ด้วยเหตุผลของความปลอดภัย
สำหรับตัวรถถูกตกแต่งขัดเกลาเล็กน้อย เช่น เรือนกระจกส่องข้างที่เพรียวลมมากขึ้น ชายล่างธรณีประตูจรดสเกิร์ตข้างกันชนท้าย ตามเหตุผลทางอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) และความดุดันทางกายภาพ(Purposeful Look) ตัวถังด้านหน้าลดความสูงลง 10 มิลลิเมตร ด้านหลังลดลง 25 มิลลิเมตรพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย 7 ก้านหรือ Seven-Spoke Light Alloy Wheel
ภายในตกแต่งหรูหรา จากเบาะนั่งสปอร์ตกึ่งบั๊คเก็ตซีท (Semi-Contour Backet Seat) ด้านหลังพนักพิงเบาะหน้าสลักอักษร M (มาจากชื่อ Maserati) ได้รสนิยมความแรง ด้านเนื้อที่ส่วนกลางของเบาะนั่งใช้วัสดุประเภท อัลแคนทาร่า (Alcantara) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเรื่องระบายอากาศ ปราศจากกลิ่นอับชื้นของเหงื่อไคล ทั้งนี้แผงบุประตูทั้งสี่บาน เท้าแขนกลางเบาะหน้า วงพวงมาลัยรถ และหัวคันเกียร์ ล้วนใช้วัสดุห่อหุ้มชนิดดังกล่าวเช่นกัน
ขุมพลังเบนซิน วี8 สูบ รหัส M139 S ขนาด 4.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 440 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 490 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดิน 6 สปีด พร้อม Sequential Manual อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดเยียบได้ถึง 285 กม./ชม.
มาเซอร์ราติ ได้ติดตั้งโปรแกรมเกียร์ของ MC-Auto Shift software packageเพื่อตอบสนองการสั่งเปลี่ยนเกียร์และการขับขี่แบบเรซซิ่งในโหมด MANUAL โดยผู้ขับสามารถสั่งการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ด้วยตนเอง หรือลากเกียร์ได้จนถึงเรด ไลน์ เพื่อความเร้าใจ ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนเกียร์โดยแป้นบังคับหรือ ปีกค้างค้าว ด้านหลังวงพวงมาลัย ที่มาเซอร์ราติเรียกว่า “โทรฟิโอ่” (Trofeo)
ด้านระบบกันสะเทือนได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการบังคับควบคุมรถ 440 แรงม้า โดยด้านหน้า-หลัง ปรับให้แข็งขึ้นว่าควอตโตรปอร์เต้รุ่นปกติ 30% และ10% ตามลำดับ พร้อมการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังอย่างสมดุล 49/51
สำหรับระบบเบรกพัฒนาโดยเบรมโบ(Brembo)เป็นการเฉพาะ ด้วยจานเบรกหน้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ผลิตด้วยกรรมวิธี Dual-Cast Technology ตัวจานเป็นเหล็กหล่อขึ้นรูปบริเวณส่วนกลางที่จะสวมเข้ากับดุมล้อรถหล่อขึ้นรูปด้วยโลหะอลูมิเนียมแข็งแรงทนทานและปรับตัวร้อน-เย็นตามการหมุนของล้อรถ
พร้อมระบบมาตรฐานอย่างเบรก ABS ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ EBD โดยทั้งสองระบบรวมประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบหลัก คือ ระบบควบคุมการทรงตัว MSP (Maserati Stability Programme) เสริมสมรรถนะตัวรถโดยเฉพาะด้านระยะเบรก และการป้องกันอาการเบรกลื่น(Brake Fade Resistance)ในทุกสภาวการณ์
โดย เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต ตั้งค่าตัว มาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เต้ สปอร์ต จีที เอส ไว้ 14.5 ล้านบาท
มาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เต้ สปอร์ต จีที เอส มากับบุคลิกมาดมั่นหรูหราเต็มพิกัด ออกแบบโดยสำนัก พินินฟารีน่า (Pininfarina) พิเศษตรงโคมไฟหน้าออกแบบใหม่แตกต่างจาก Quattroporte รุ่นอื่น เดินขอบสีไททาเนียม (Titanium Finish) แผ่นสะท้อนแสงในโคมเคลือบสีเงาดำ ไฟซีนอน (XenonHeadlights) พร้อมหลอดไฟแอลอีดีแบบ Day Running Light 10 ดวง
ในส่วนไฟหน้าซีนอน จะปรับมุมส่องสว่างของโคมไฟให้สาดส่องตามการเลี้ยวโค้ง โดยประสานการทำงานกับทิศทางการหมุนของพวงมาลัย (ไม่เกิน 15 องศาทั้งซ้ายและขวา) แต่ระบบ Adaptive Light Control นี้ ปรับการทำงานสู่สภาพปกติ (คือ ไม่ส่องเลี้ยวตามโค้ง) เมื่อรถใช้ความเร็วตั้งแต่ 120 กม./ชม.ขึ้นไป ด้วยเหตุผลของความปลอดภัย
สำหรับตัวรถถูกตกแต่งขัดเกลาเล็กน้อย เช่น เรือนกระจกส่องข้างที่เพรียวลมมากขึ้น ชายล่างธรณีประตูจรดสเกิร์ตข้างกันชนท้าย ตามเหตุผลทางอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) และความดุดันทางกายภาพ(Purposeful Look) ตัวถังด้านหน้าลดความสูงลง 10 มิลลิเมตร ด้านหลังลดลง 25 มิลลิเมตรพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย 7 ก้านหรือ Seven-Spoke Light Alloy Wheel
ภายในตกแต่งหรูหรา จากเบาะนั่งสปอร์ตกึ่งบั๊คเก็ตซีท (Semi-Contour Backet Seat) ด้านหลังพนักพิงเบาะหน้าสลักอักษร M (มาจากชื่อ Maserati) ได้รสนิยมความแรง ด้านเนื้อที่ส่วนกลางของเบาะนั่งใช้วัสดุประเภท อัลแคนทาร่า (Alcantara) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเรื่องระบายอากาศ ปราศจากกลิ่นอับชื้นของเหงื่อไคล ทั้งนี้แผงบุประตูทั้งสี่บาน เท้าแขนกลางเบาะหน้า วงพวงมาลัยรถ และหัวคันเกียร์ ล้วนใช้วัสดุห่อหุ้มชนิดดังกล่าวเช่นกัน
ขุมพลังเบนซิน วี8 สูบ รหัส M139 S ขนาด 4.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 440 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 490 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดิน 6 สปีด พร้อม Sequential Manual อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดเยียบได้ถึง 285 กม./ชม.
มาเซอร์ราติ ได้ติดตั้งโปรแกรมเกียร์ของ MC-Auto Shift software packageเพื่อตอบสนองการสั่งเปลี่ยนเกียร์และการขับขี่แบบเรซซิ่งในโหมด MANUAL โดยผู้ขับสามารถสั่งการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ด้วยตนเอง หรือลากเกียร์ได้จนถึงเรด ไลน์ เพื่อความเร้าใจ ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนเกียร์โดยแป้นบังคับหรือ ปีกค้างค้าว ด้านหลังวงพวงมาลัย ที่มาเซอร์ราติเรียกว่า “โทรฟิโอ่” (Trofeo)
ด้านระบบกันสะเทือนได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการบังคับควบคุมรถ 440 แรงม้า โดยด้านหน้า-หลัง ปรับให้แข็งขึ้นว่าควอตโตรปอร์เต้รุ่นปกติ 30% และ10% ตามลำดับ พร้อมการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังอย่างสมดุล 49/51
สำหรับระบบเบรกพัฒนาโดยเบรมโบ(Brembo)เป็นการเฉพาะ ด้วยจานเบรกหน้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ผลิตด้วยกรรมวิธี Dual-Cast Technology ตัวจานเป็นเหล็กหล่อขึ้นรูปบริเวณส่วนกลางที่จะสวมเข้ากับดุมล้อรถหล่อขึ้นรูปด้วยโลหะอลูมิเนียมแข็งแรงทนทานและปรับตัวร้อน-เย็นตามการหมุนของล้อรถ
พร้อมระบบมาตรฐานอย่างเบรก ABS ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ EBD โดยทั้งสองระบบรวมประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบหลัก คือ ระบบควบคุมการทรงตัว MSP (Maserati Stability Programme) เสริมสมรรถนะตัวรถโดยเฉพาะด้านระยะเบรก และการป้องกันอาการเบรกลื่น(Brake Fade Resistance)ในทุกสภาวการณ์
โดย เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต ตั้งค่าตัว มาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เต้ สปอร์ต จีที เอส ไว้ 14.5 ล้านบาท