xs
xsm
sm
md
lg

McLaren MC4-12C บุกตลาดรถสปอร์ตเต็มตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จริงอยู่ที่แม็คลาเรนเคยผลิตรถสปอร์ตออกขายมาแล้วในช่วงปี 1993-1998 กับรุ่น McLaren F1 ที่ใช้เครื่องยนต์วี12 ของบีเอ็มดับเบิลยู แต่ทว่านั่นเป็นการทำตลาดในแบบทีเล่นทีจริงมากกว่า จนกระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากการประกาศก่อตั้งบริษัทอย่างแม็คลเรน ออโตโมทิฟขึ้นมาถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนในการรุกคืบเข้าสู่ตลาดซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริงสำหรับกลุ่มบริษัทแม็คลาเรน

บริษัทแห่งนี้ถูกแยกออกมาจากแม็คลาเรน กรุ๊ปเมื่อกลางปี 2009 เพื่อมุ่งเน้นในการเจาะตลาดรถสปอร์ตเพียงอย่างเดียวภายใต้แบรนด์ของแม็คลาเรนเอง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจากความสำเร็จในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำอย่าง F1 จะช่วยผลักดันให้เกิดความน่าสนใจต่อตัวผลิตภัณฑ์ และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกเหมือนอย่างที่เฟอร์รารี่ได้รับ

และ MP 4-12C คือ ชื่อของสปอร์ตรุ่นใหม่ที่จะถูกส่งประเดิมตลาดในปี 2011 โดยชื่อรุ่น MP ถือว่าเป็นคำคลาสสิคของบรรดาแม็คลาเรนมาเนีย เพราะนี่คือรหัสตัวถังที่รอน เดนนิส อดีตผู้ควบคุมทีมแข่ง F1 นำมาใช้กับรถแข่งของทีมแม็คลาเรนนับตั้งแต่ปีแรกที่เขาควบคุมทีมในปี 1981 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยตัวเดนนิสเองในปัจจุบันสละตำแหน่งผู้ควบคุมทีมมานั่งแท่น CEO ของแม็คลาเรน ออโตโมทิฟตั้งแต่ประกาศตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมา



สำหรับชื่อรุ่นมีความหมายตามนี้ คือ MP4 ย่อมาจาก McLaren Project 4 และเป็นรหัสแชสซีส์ที่ทีมแข่งแม็กลาเรนใช้กับรถแข่ง F1 เพื่อสื่อให้เห็นถึงพลังแห่งความแรงที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ต ส่วน 12 ทางแม็กลาเรนบอกว่าเป็นดัชนีวัดสมรรถนะของตัวรถ และ C คือ Carbon ซึ่งเป็นวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตตัวถัง โดยเฉพาะเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Carbon MonoCell สำหรับใช้ในการผลิตโครงสร้างตัวถังและแชสซีส์ ซึ่งทางแม็กลาเรนบอกว่าเป็นครั้งแรกสำหรับตลาดซูเปอร์คาร์ ซึ่งแม็คลเรนบอกว่าตัวเองเป็นผู้บุกเบิกในการนำเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้กับรถแข่ง F1 ตั้งแต่ตัวแข่งรุ่น MP4/1 ก่อนที่วัสดุประเภทนี้จะได้รับความนิยมในวงกว้างอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


MP 4-12C เป็นผลผลิตที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมีชื่อเรียกว่า P11 และเป็นสปอร์ตขนาดกลางที่อยู่ในระดับเดียวกับเฟอร์รารี่ 458Italia, ปอร์เช่ 911 และลัมบอร์กินี กัลญาร์โด้ โดยตัวรถเป็นแบบสปอร์ตคูเป้ 2 ที่นั่งเครื่องยนต์วางกลางและขับเคลื่อนล้อหลัง

จากสัมพันธ์ของแม็คลาเรน กรุ๊ปที่มีเมอร์เซเดส-เบนซ์เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ทำให้เชื่อว่าเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงของ MP4-12C น่าจะเป็นผลผลิตที่มาจากค่ายดาว 3 แฉก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด เพราะแม็คลาเรนบอกว่าเครื่องยนต์รหัส M838T เป็นผลผลิตที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่

ขุมพลังวี8 ทวินแคม 32 วาล์วบล็อกนี้ที่มีความจุเพียง 3,800 ซีซี แต่เมื่อติดตั้งเทคโนโลยีเพิ่มความแรงเข้าไปทั้งระบบวาล์วแปรผัน VVT และเทอร์โบคู่ ทำให้สามารถเบ่งกล้ามออกมาได้ 600 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดถึง 61.1 กก.-ม.


บุคลิกของเครื่องยนต์ก็ได้รับการปรับแต่งเพื่อการใช้งานได้อย่างเหมาะสมในชีวิตประจำวัน โดย 80% ของแรงบิดถูกถ่ายทอดออกมาในช่วงรอบต่ำเพียง 2,000 รอบ/นาที ทำให้สามารถขับได้อย่างสนุกและสบายเวลาต้องเจอกับสภาพการจราจรที่คับคั่งบนถนนในเมือง แต่ถ้าอยากซิ่ง ก็สมรรถนะจัดจ้าน ใช้เวลาต่ำกว่า 3 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 3 วินาที และความเร็วปลายเกิน 321 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับเกียร์ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งกำลังสู่ล้อหลังเป็นแบบดับเบิลคลัตช์ 7 จังหวะที่เรียกว่า SSG หรือ Seamless Shift dual clutch Gearbox ซึ่งมีความฉับไวและสามารถถ่ายทอดกำลังได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง

ต้นปี 2011 จะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการ ใครที่อยากลองของใหม่กับผลผลิตใหม่ของแม็คลาเรน ออโตโมทิฟ ก็เตรียมเงินเอาไว้ได้เลย เพราะแม็คลาเรนเผยว่าค่าตัวของ MP4-12C จะอยู่ระหว่าง 125,000-175,000 ปอนด์ หรือ 7-9.8 ล้านบาท




กำลังโหลดความคิดเห็น