วันนี้ (15 ก.ย.) บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เปิดตัว “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่” ชูจุดเด่นใช้พลังงานทางเลือกอย่าง แก๊สโซฮอล์ อี85 ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV 139 แรงม้า ขณะที่ตัวท็อป 2.0 ลิตร เน้นความสปอร์ตอัดออปชันมาให้เพียบ กับราคาเริ่มต้น 8.31 แสนบาท - 1.034 ล้านบาท ตั้งเป้า 6 เดือนขาย 4,000 คัน
สำหรับขุมพลังใหม่ 2 ทางเลือก ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่ บล็อก 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร FFV ถือเป็นรถยนต์เฟลกฟิวรุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากเพื่อการขายในประเทศไทย รองรับได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดจนถึง E85 ให้กำลังสูงสุดที่ 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที
ขณะที่บล็อก 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC รองรับทั้งเบนซิน 91 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นยังผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า อย่างเสื้อสูบอะลูมิเนียม ฝาครอบวาล์วแบบพลาสติกพิเศษ พร้อมโครงสร้างการวางท่อร่วมไอเสียไว้ด้านหลัง และการติดตั้งแผ่นสแตนเลสครอบท่อร่วมไอเสียโดยรอบเพื่อป้องกันความร้อน มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้แปรผันสัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆ รอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ จึงให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน
ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเร้าใจด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์
ด้านช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบมัลติลิงก์พร้อมคอยส์สปริง และเหล็กกันโคลง ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่น GT ยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูง
รูปลักษณ์โดดเด่นมากับเส้นสายที่สะท้อนความปราดเปรียว ล้ำสมัย ด้วยส่วนหน้าที่ลาดเอียงลงตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ พร้อมกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูรับกับกรอบไฟทรงเรียวยาว ซึ่งภายในเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยไฟแบบมัลติรี-เฟล็กเตอร์ แบบฮาโลเจน สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ รุ่น GLX ส่วนไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ แบบไบซีนอน (Bi-Xenon) พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างด้านข้างขณะเข้าโค้ง (AFS) จะมาในรุ่น GT
ด้านหลังออกแบบให้โดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมจัดวางแนวเฉียงขึ้นช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม และด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตนี่เองทำให้ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มีให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เพียง 0.29
ล้ออัลลอยในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และรุ่น GLX ใช้ขนาด 16 นิ้ว ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ รุ่น GLS ยังมาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟตัดหมอกหน้า และปลายท่อสเตนเลส พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น GT ยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลังอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมี 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ โมโนโทนสีดำสไตล์สปอร์ตในรุ่น GT และ GLS-Ltd. และแบบทูโทน สีดำ-เบจในรุ่น GLS และ GLX ทั้งนี้ ในรุ่น GT และ GLS-Ltd. จะใช้เบาะหนัง พร้อมความอเนกประสงค์ของเบาะหลังที่สามารถพับแบบ 60:40 ได้
สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร GT ติดตั้งระบบพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถเลือกปรับการใช้งานหลากหลาย โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดีกว่า ทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ง่ายต่อการปรับ เลือกเพลงและระบบเสียง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
เครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อม วิทยุซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง ด้านจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ เรืองแสงสีแดงแบบ LED ง่ายต่อการอ่านและการใช้งานขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกตัวรถ รวมไปถึงการเตือนต่างๆ เมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ
นอกจากนี้ รถทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและปลอดภัยอัจฉริยะ Mitsubishi Motors ETACS (Electric Total Automobile Control System) ซึ่งควบคุมระบบไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดไฟหน้าและไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ
พร้อมด้วยเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบผ่อนแรง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับล้อขนาด 15 นิ้วขึ้นไป สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX และรองรับล้อขนาด 16 นิ้วขึ้นไปสำหรับรุ่น GT
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มี 4 รุ่นย่อย 5 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีแดง สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาขาย 831,000 บาท ถึง 1,034,000 บาท...เริ่มจองแล้วตั้งแต่วันนี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยลงโชว์รูมพร้อมขายอย่างเป็นทางการ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป
ราคา มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
สำหรับขุมพลังใหม่ 2 ทางเลือก ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่ บล็อก 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร FFV ถือเป็นรถยนต์เฟลกฟิวรุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากเพื่อการขายในประเทศไทย รองรับได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดจนถึง E85 ให้กำลังสูงสุดที่ 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที
ขณะที่บล็อก 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC รองรับทั้งเบนซิน 91 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นยังผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า อย่างเสื้อสูบอะลูมิเนียม ฝาครอบวาล์วแบบพลาสติกพิเศษ พร้อมโครงสร้างการวางท่อร่วมไอเสียไว้ด้านหลัง และการติดตั้งแผ่นสแตนเลสครอบท่อร่วมไอเสียโดยรอบเพื่อป้องกันความร้อน มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้แปรผันสัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆ รอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ จึงให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน
ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเร้าใจด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์
ด้านช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบมัลติลิงก์พร้อมคอยส์สปริง และเหล็กกันโคลง ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่น GT ยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูง
รูปลักษณ์โดดเด่นมากับเส้นสายที่สะท้อนความปราดเปรียว ล้ำสมัย ด้วยส่วนหน้าที่ลาดเอียงลงตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ พร้อมกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูรับกับกรอบไฟทรงเรียวยาว ซึ่งภายในเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยไฟแบบมัลติรี-เฟล็กเตอร์ แบบฮาโลเจน สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ รุ่น GLX ส่วนไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ แบบไบซีนอน (Bi-Xenon) พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างด้านข้างขณะเข้าโค้ง (AFS) จะมาในรุ่น GT
ด้านหลังออกแบบให้โดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมจัดวางแนวเฉียงขึ้นช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม และด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตนี่เองทำให้ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มีให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เพียง 0.29
ล้ออัลลอยในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และรุ่น GLX ใช้ขนาด 16 นิ้ว ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ รุ่น GLS ยังมาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟตัดหมอกหน้า และปลายท่อสเตนเลส พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น GT ยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลังอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมี 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ โมโนโทนสีดำสไตล์สปอร์ตในรุ่น GT และ GLS-Ltd. และแบบทูโทน สีดำ-เบจในรุ่น GLS และ GLX ทั้งนี้ ในรุ่น GT และ GLS-Ltd. จะใช้เบาะหนัง พร้อมความอเนกประสงค์ของเบาะหลังที่สามารถพับแบบ 60:40 ได้
สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร GT ติดตั้งระบบพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถเลือกปรับการใช้งานหลากหลาย โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดีกว่า ทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ง่ายต่อการปรับ เลือกเพลงและระบบเสียง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
เครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อม วิทยุซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง ด้านจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ เรืองแสงสีแดงแบบ LED ง่ายต่อการอ่านและการใช้งานขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกตัวรถ รวมไปถึงการเตือนต่างๆ เมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ
นอกจากนี้ รถทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและปลอดภัยอัจฉริยะ Mitsubishi Motors ETACS (Electric Total Automobile Control System) ซึ่งควบคุมระบบไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดไฟหน้าและไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ
พร้อมด้วยเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบผ่อนแรง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับล้อขนาด 15 นิ้วขึ้นไป สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX และรองรับล้อขนาด 16 นิ้วขึ้นไปสำหรับรุ่น GT
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มี 4 รุ่นย่อย 5 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีแดง สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาขาย 831,000 บาท ถึง 1,034,000 บาท...เริ่มจองแล้วตั้งแต่วันนี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยลงโชว์รูมพร้อมขายอย่างเป็นทางการ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป
ราคา มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
รุ่น | ราคา(บาท) |
1.8 MIVEC GLX | 831,000 |
1.8 MIVEC GLS | 886,000 |
1.8 MIVEC GLS-Ltd. | 899,000 |
2.0 MIVEC GT | 1,034,000 |