“ดุขึ้น-มันกว่าเดิม!”
นั่นคือบทสรุปของ “ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ที่มีต่อ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส 2.0” ใหม่ หลังจากได้ลองขับเป็นครั้งแรก ไม่กี่วันหลังจากเปิดตัวสู่ตลาด เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยการลองขับครั้งแรก เป็นการขับบนสนามปิดของบริดจสโตน จึงเป็นการได้ทดลองสมรรถนะต่างๆ ของอัลติส 2.0 แบบไม่ต้องพะวงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย เหมือนการขับใช้งานบนถนนสาธารณะ และบทสรุปดังกล่าวก็มาจากการเทียบกับรุ่น 1.8 ลิตรเดิม

เหตุนี้เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ในรูปแบบการใช้งานจริง โตโยต้า มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงชวนไปลองขับอีกครั้งบนถนนจริง ทางหลวงหมายเลข 2 กรุงเทพฯ-อุดรธานี ในโอกาสเดินทางไปชมการแข่งขันรถยนต์รายการ โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต เฟสติวัล
ในช่วงแรกเป็นการวิ่งฟรีรัน กรุงเทพฯ-อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ระยะทางประมาณ 200 กม. ซึ่งขุมพลัง 3ZR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันควบคุมทั้งฝั่งไอดีและไอเสียแบบ Dual VVT-i (Variable Valve Timing-intelligent) ทำให้เค้นพลังจากม้า 141 ตัว ที่ 5,600 รอบต่อนาทีได้แบบสุดๆ
ยิ่งสภาพถนนรองรับการขับขี่ได้หลากรูปแบบ ทั้งทางตรงยาวๆ ม้าแต่ละตัวถูกเรียกมาใช้ได้ดั่งใจ ฉุดระดับความเร็วได้ปรู๊ดปร๊าดไม่สะดุด ช่วงจังหวะเร่งแซงในทุกๆ รอบ ไม่ต้องลุ้น คลิกปั๊บก็เหมือนกับโดนยาสั่ง และทำงานสัมพันธ์กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะได้ดี ขณะที่เบรก ABS/EBD แม่นยำและทำให้ปลอดภัยมากขึ้น

สิ่งที่ชอบมากสุดในอัลติส 2.0 เห็นจะช่วงล่างที่หนึบ จากการปรับให้ดีขึ้นจากรุ่น 1.8 และ1.6 ลิตร ดังนั้นถึงจะสาดโค้งมาแรงๆ หน่อย จึงไม่รู้สึกเสียการทรงตัว แถมยังมีระบบ VSC และ TRC ช่วยด้วยแล้ว
งานนี้เต็มเหนี่ยวเลยเพ่! และยิ่งใช้เกียร์แบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ทำให้การขับขี่สนุกขึ้นไปอีก แต่ไม่ใช่ว่าจะเอามันแบบไม่ดูชาวบ้าน หรือเพื่อนร่วมทางเขา เรื่องนี้สำคัญมากกับการขับรถ ที่สำคัญแม้เทคโนโลยี หรือฝีมือจะเลิศแค่ไหน?
ความประมาท…นำไปสู่โรงพยาบาลและวัดได้ทุกเมื่อ!!
ฉะนั้นโคโรลล่า อัลติส 2.0 เป้าหมายที่ต้องการจะขยายจับกลุ่มลูกค้า ที่ชอบความ “จี้ดจ๊าด” นับว่าโตโยต้าตอบโจทย์ได้ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง คนเรามันจะจี้ดกันตลอดเวลาก็หาไม่
จึงมีคำถามว่า... หากเวลาคนเราใช้งานปกติธรรมดาทั่วๆ ไป แล้วเจ้าอัลติส 2.0 จะให้ความประหยัดได้ใกล้เคียงกับรุ่น 1.8 และ 1.6 ลิตรหรือเปล่า?
เพื่อคลายข้อสังสัยดังกล่าว ในช่วงที่สองโตโยต้าจึงได้จัดกิจกรรมทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ของ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ลิตร มาให้ได้ลองด้วย โดยเริ่มจากปั๊มปตท. ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา เพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถัง ในการวิ่งไปยังจุดหมายปั๊มน้ำมันเชลล์เลยตัวเมืองขอนแก่นไปนิดหน่อย รวมระยะทาง 203.3 กม.
โดยโตโยต้ากำหนดเวลาให้ 2.30 ชั่วโมง และมีค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเทียบเคียง ให้ที่ประมาณ 19.5 กม./ลิตร

ด้วยนิสัยการขับขี่เรารู้ดีว่า ไอ้ที่จะหวังทำตัวเลขให้ได้สูงสุดเป็นไปไม่ได้แน่นอน อย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 20 กม./ลิตร แต่เพื่อได้อรรถรสจึงมีติดปลายนวม กับ“ปรีชา โพธิ” รองผู้อำนวยฝ่ายประชาสัมพันธ์โตโยต้า หากเราทำได้ 20 กม./ลิตร ต้องมีรางวัลให้เราเป็นพิเศษ!
งานนี้เลยทำให้เราต้องวางแผนกันหน่อย จากระยะทางและเวลากำหนด ต้องรักษาความเร็วอยู่ที่ประมาณ 90 กม./ชม. แต่ต้องเผื่อเวลาที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็นไฟแดง หรือการจราจรแออัดเป็นบางช่าง ฉะนั้นน่าจะอยู่ที่ 100-110 กม./ชม.
ส่วนการขับก็เปิดแอร์ปกติ แต่รักษาความเร็วคงที่ให้มากที่สุด (มีครูสคอนโทรลแต่เราเลือกที่จะไม่ใช้) และรอบเครื่องไม่เกิน 2,500 รอบต่อนาที ไม่เบรกหรือกดคันเร่งปรู๊ดปร๊าดพร่ำเพรื่อไป และอัลติส 2.0 คันที่เราขับมีเนวิเกเตอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จึงช่วยให้รู้ทางข้างหน้ามีแยกหรือไม่? จะได้เตรียมตัวดูว่าไฟแดงหรือเขียว และปล่อยให้รถไหลเข้าแยกได้ถูกจังหวะ ไม่ต้องพุ่งเข้าไปแล้วเบรกหยุด และกดคันเร่งออกตัวให้เปลืองน้ำมัน ส่วนถนนเส้นทางหลักต่างจังหวัดวันธรรมดา การจราจรค่อนโล่งจึงไม่มีปัญหาเรื่องการค่อยๆ ไหลเข้าไปอยู่แล้ว


ปรากฎกว่าเหลือระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรสุดท้าย จะไม่ทันเวลาแล้ว ทำให้เข็มไมล์เลยต้องดีดขึ้นไป 120, 130 และ 140 กม./ชม.... ทันเวลานาทีสุดท้ายพอดีเป๊ะ!
และปรากฎว่ารถคันของเรา มีผู้โดยสาร 4 คน น้ำหนักรวมมากกว่า 280 กิโลกรัม มีอัตราสิ้นเปลืองกว่า 25 กม./ลิตร เฮ!... เราขับประหยัดผิดคาด!!
แน่นอนนั่นคงมาจากลักษณะการขับ และการที่โตโยต้านำเอาระบบวาล์ว Dual VVT-i ที่ปรับจังหวะเปิด-ปิดลิ้นไอดีและไอเสีย ให้สอดคล้องกับการทำงานเครื่องยนต์ และสภาพการขับขี่ ดังนั้นไม่เพียงจะดึงสมรรถนะ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ออกมาได้แบบสุด ๆ แล้ว ยังช่วยในการประหยัดน้ำมันด้วย
สำหรับงานนี้เพื่อนสื่อมวลชน ที่ทำได้ดีสุดอยู่ที่กว่า 30 กม./ลิตร แต่ก็อย่าไปคิดจริงจังกับตัวเลขเหล่านี้มากนัก ก่อนอื่นมาลองปรับพฤติกรรมการขับขี่ก่อนแล้วกัน!
นั่นคือบทสรุปของ “ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ที่มีต่อ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส 2.0” ใหม่ หลังจากได้ลองขับเป็นครั้งแรก ไม่กี่วันหลังจากเปิดตัวสู่ตลาด เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยการลองขับครั้งแรก เป็นการขับบนสนามปิดของบริดจสโตน จึงเป็นการได้ทดลองสมรรถนะต่างๆ ของอัลติส 2.0 แบบไม่ต้องพะวงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย เหมือนการขับใช้งานบนถนนสาธารณะ และบทสรุปดังกล่าวก็มาจากการเทียบกับรุ่น 1.8 ลิตรเดิม
เหตุนี้เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ในรูปแบบการใช้งานจริง โตโยต้า มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงชวนไปลองขับอีกครั้งบนถนนจริง ทางหลวงหมายเลข 2 กรุงเทพฯ-อุดรธานี ในโอกาสเดินทางไปชมการแข่งขันรถยนต์รายการ โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต เฟสติวัล
ในช่วงแรกเป็นการวิ่งฟรีรัน กรุงเทพฯ-อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ระยะทางประมาณ 200 กม. ซึ่งขุมพลัง 3ZR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันควบคุมทั้งฝั่งไอดีและไอเสียแบบ Dual VVT-i (Variable Valve Timing-intelligent) ทำให้เค้นพลังจากม้า 141 ตัว ที่ 5,600 รอบต่อนาทีได้แบบสุดๆ
ยิ่งสภาพถนนรองรับการขับขี่ได้หลากรูปแบบ ทั้งทางตรงยาวๆ ม้าแต่ละตัวถูกเรียกมาใช้ได้ดั่งใจ ฉุดระดับความเร็วได้ปรู๊ดปร๊าดไม่สะดุด ช่วงจังหวะเร่งแซงในทุกๆ รอบ ไม่ต้องลุ้น คลิกปั๊บก็เหมือนกับโดนยาสั่ง และทำงานสัมพันธ์กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะได้ดี ขณะที่เบรก ABS/EBD แม่นยำและทำให้ปลอดภัยมากขึ้น
สิ่งที่ชอบมากสุดในอัลติส 2.0 เห็นจะช่วงล่างที่หนึบ จากการปรับให้ดีขึ้นจากรุ่น 1.8 และ1.6 ลิตร ดังนั้นถึงจะสาดโค้งมาแรงๆ หน่อย จึงไม่รู้สึกเสียการทรงตัว แถมยังมีระบบ VSC และ TRC ช่วยด้วยแล้ว
งานนี้เต็มเหนี่ยวเลยเพ่! และยิ่งใช้เกียร์แบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ทำให้การขับขี่สนุกขึ้นไปอีก แต่ไม่ใช่ว่าจะเอามันแบบไม่ดูชาวบ้าน หรือเพื่อนร่วมทางเขา เรื่องนี้สำคัญมากกับการขับรถ ที่สำคัญแม้เทคโนโลยี หรือฝีมือจะเลิศแค่ไหน?
ความประมาท…นำไปสู่โรงพยาบาลและวัดได้ทุกเมื่อ!!
ฉะนั้นโคโรลล่า อัลติส 2.0 เป้าหมายที่ต้องการจะขยายจับกลุ่มลูกค้า ที่ชอบความ “จี้ดจ๊าด” นับว่าโตโยต้าตอบโจทย์ได้ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง คนเรามันจะจี้ดกันตลอดเวลาก็หาไม่
จึงมีคำถามว่า... หากเวลาคนเราใช้งานปกติธรรมดาทั่วๆ ไป แล้วเจ้าอัลติส 2.0 จะให้ความประหยัดได้ใกล้เคียงกับรุ่น 1.8 และ 1.6 ลิตรหรือเปล่า?
เพื่อคลายข้อสังสัยดังกล่าว ในช่วงที่สองโตโยต้าจึงได้จัดกิจกรรมทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ของ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ลิตร มาให้ได้ลองด้วย โดยเริ่มจากปั๊มปตท. ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา เพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถัง ในการวิ่งไปยังจุดหมายปั๊มน้ำมันเชลล์เลยตัวเมืองขอนแก่นไปนิดหน่อย รวมระยะทาง 203.3 กม.
โดยโตโยต้ากำหนดเวลาให้ 2.30 ชั่วโมง และมีค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเทียบเคียง ให้ที่ประมาณ 19.5 กม./ลิตร
ด้วยนิสัยการขับขี่เรารู้ดีว่า ไอ้ที่จะหวังทำตัวเลขให้ได้สูงสุดเป็นไปไม่ได้แน่นอน อย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 20 กม./ลิตร แต่เพื่อได้อรรถรสจึงมีติดปลายนวม กับ“ปรีชา โพธิ” รองผู้อำนวยฝ่ายประชาสัมพันธ์โตโยต้า หากเราทำได้ 20 กม./ลิตร ต้องมีรางวัลให้เราเป็นพิเศษ!
งานนี้เลยทำให้เราต้องวางแผนกันหน่อย จากระยะทางและเวลากำหนด ต้องรักษาความเร็วอยู่ที่ประมาณ 90 กม./ชม. แต่ต้องเผื่อเวลาที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็นไฟแดง หรือการจราจรแออัดเป็นบางช่าง ฉะนั้นน่าจะอยู่ที่ 100-110 กม./ชม.
ส่วนการขับก็เปิดแอร์ปกติ แต่รักษาความเร็วคงที่ให้มากที่สุด (มีครูสคอนโทรลแต่เราเลือกที่จะไม่ใช้) และรอบเครื่องไม่เกิน 2,500 รอบต่อนาที ไม่เบรกหรือกดคันเร่งปรู๊ดปร๊าดพร่ำเพรื่อไป และอัลติส 2.0 คันที่เราขับมีเนวิเกเตอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จึงช่วยให้รู้ทางข้างหน้ามีแยกหรือไม่? จะได้เตรียมตัวดูว่าไฟแดงหรือเขียว และปล่อยให้รถไหลเข้าแยกได้ถูกจังหวะ ไม่ต้องพุ่งเข้าไปแล้วเบรกหยุด และกดคันเร่งออกตัวให้เปลืองน้ำมัน ส่วนถนนเส้นทางหลักต่างจังหวัดวันธรรมดา การจราจรค่อนโล่งจึงไม่มีปัญหาเรื่องการค่อยๆ ไหลเข้าไปอยู่แล้ว
ปรากฎกว่าเหลือระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรสุดท้าย จะไม่ทันเวลาแล้ว ทำให้เข็มไมล์เลยต้องดีดขึ้นไป 120, 130 และ 140 กม./ชม.... ทันเวลานาทีสุดท้ายพอดีเป๊ะ!
และปรากฎว่ารถคันของเรา มีผู้โดยสาร 4 คน น้ำหนักรวมมากกว่า 280 กิโลกรัม มีอัตราสิ้นเปลืองกว่า 25 กม./ลิตร เฮ!... เราขับประหยัดผิดคาด!!
แน่นอนนั่นคงมาจากลักษณะการขับ และการที่โตโยต้านำเอาระบบวาล์ว Dual VVT-i ที่ปรับจังหวะเปิด-ปิดลิ้นไอดีและไอเสีย ให้สอดคล้องกับการทำงานเครื่องยนต์ และสภาพการขับขี่ ดังนั้นไม่เพียงจะดึงสมรรถนะ โคโรลล่า อัลติส 2.0 ออกมาได้แบบสุด ๆ แล้ว ยังช่วยในการประหยัดน้ำมันด้วย
สำหรับงานนี้เพื่อนสื่อมวลชน ที่ทำได้ดีสุดอยู่ที่กว่า 30 กม./ลิตร แต่ก็อย่าไปคิดจริงจังกับตัวเลขเหล่านี้มากนัก ก่อนอื่นมาลองปรับพฤติกรรมการขับขี่ก่อนแล้วกัน!