xs
xsm
sm
md
lg

ออดี้ เอ4 1.8 ทีเอฟเอสไอ ซีดานสวยบาดใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดรถยนต์ระดับหรูในเมืองไทย คงต้องยอมรับกันว่า เจ้าตลาดที่ได้รับความน่าสนใจโกยยอดขายสม่ำเสมอจะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มาจากประเทศ เยอรมนีเสียส่วนใหญ่ นำทีมโดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่ยังมีอีกหนึ่งค่ายผู้ผลิตจากเมืองเบียร์ “ออดี้” แม้ช่วงที่ผ่านมาจะดูเงียบๆ ไปบ้าง แต่ยังคงทำตลาดอยู่เหมือนเดิม

สำหรับ ออดี้ ในเวทีตลาดโลกจะไม่เคยยอมน้อยหน้าเพื่อนร่วมชาติ โดยเฉพาะการประชันด้านเทคโนโลยี ซึ่งออดี้ มักจะมีลูกเล่นพิเศษก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งมาโชว์อยู่บ่อยๆ ส่วนในเมืองไทยภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น ยอมรับว่า ด้วยปัจจัยหลายประการทำให้ ออดี้ ไม่สามารถทำตลาดแบบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ 2 คู่แข่งร่วมชาติเหมือนในตลาดโลกได้

ข้อจำกัดประการสำคัญหนึ่งคือ การตั้งราคาขาย จากเหตุผลด้านการเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูป (CBU) ซึ่งต้องเสียภาษีมากเป็นพิเศษกว่า 2 คู่แข่ง ที่เป็นรถประกอบในประเทศ (CKD) ส่วนสาเหตุว่า ทำไม ออดี้ ไม่ขึ้นไลน์ประกอบรถออดี้บ้าง คำตอบเก็บอยู่กับ ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความยากลำบากแค่ไหนในการทำตลาด แต่ ออดี้ เมืองไทยยืนยันจะไม่หยุดหรือทิ้งกันไปอย่างแน่นอน ล่าสุดกับการเผยโฉมรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยโมเดล ออดี้ คิว 5 ในมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ขณะที่รุ่นหลักของการบุกตลาดไทยยังคงเป็น “เอ4” โฉมใหม่ โดยเปิดตัวไปเมื่อปี 2008

ซึ่งในตลาดรถยนต์ขนาดคอมแพคระดับหรู มีเจ้าตลาดอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ครอบครองอยู่ ส่วน ออดี้ เอ4 ยอดขายเข้าข่ายการเป็นนิช มาร์เก็ตอย่างเต็มตัว ด้วยจำนวนไม่กี่สิบคันต่อปี เทียบกับคู่แข่งที่ขายรวมกันเป็นพันคัน

อย่างไรก็ดี ทางตัวแทนจำหน่าย ทราบถึงตัวเลขดังกล่าวและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่คงไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้ นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาด โดยจะเน้นทำตัวเองให้เป็น นิช มาร์เก็ต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
นั่นคือนโยบายของตัวแทนจำหน่าย ที่เราขอเอ่ยให้ทราบกันพอหอมปากหอมคอ กลับมาเข้าเรื่องของตัวรถกันดีกว่า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสทดลองขับ ออดี้ เอ4 พระเอกของค่ายที่ห่วงใยคุณมากที่สุด (ก็มีถึง 4 ห่วง) ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 TFSI โดยขับกันเป็นระยะทางร่วม 200 กม. ทั้งแบบในเมืองและนอกเมือง

แรกรับรถ ธรรมเนียมของออดี้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่มาแนะนำให้ทราบและเข้าใจถึงการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถ และตอบข้อสงสัยก่อนจะออกรถไป สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่บอกคือเรื่อง ฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ MMI (Multi Media Interface) ติดตั้งอยู่ตรงกลางคอนโซลหน้า ซึ่งจะคล้ายคลึงกับปุ่ม i-Drive ของบีเอ็มดับเบิลยู การทำงานไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายและใช้งานสะดวก

ก่อนจะออกรถมีการสำรวจรอบตัวถังเพื่อดูริ้วรอยต่างๆ ก่อนรับรถ พบว่าที่ชายล่างของสปอยเลอร์หน้าด้านซ้าย มีรอยแต้มสี เนื่องจากคาดว่าคงจะไปกระแทกกับฟุตปาทหรือขอบถนน ซึ่งที่เราต้องเอ่ยถึงเพราะว่า เมื่อได้ขับจริงและจังหวะเดินหน้าจอด เอาหน้ารถเทียบให้ใกล้กับขอบปูน เราเกือบจะซ้ำรอยเดิมเข้าให้ สปอยเลอร์ห่างจากปูนห่างไม่ถึง 2 นิ้ว ทั้งที่เรากะระยะว่า เหลืออย่างน้อยก็ ยาวเกินฝ่ามือ
ทั้งนี้ การกะระยะจอดผิดพลาดดังกล่าวจนสปอยเลอร์เกือบกระแทก คาดว่าเป็นผลมาจากความเคยชินของผู้ขับ ที่รถส่วนมากตัวถังหน้ารถจะยาวกว่าสปอยเลอร์ แต่ความจริงเมื่อลงไปดูหน้ารถเจ้า เอ4 โฉมนี้มีสปอยเลอร์หน้า ยาวยื่นออกไปมากกว่าตัวถังหน้ารถนั่นเอง

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการปล่อยรถ เราขับออกจากตึกบัญชาการของยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น บนถนนสุรวงศ์ ในช่วงเวลาที่การจราจรไม่วุ่นวายนัก ขับวนเวียนเล็กน้อยทดลองแบบใช้งานในเมืองพบว่า การตอบสนองของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร เทอร์โบ พกพากำลังสูงสุด 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร บนน้ำหนักตัวรถ 1,450 กิโลกรัม ให้ความรู้สึกกระชับกระเฉง คล่องตัวดี เร่งรวดเร็วทันใจในรอบต่ำ เบรกน้ำหนักนุ่มนวลไม่หัวทิ่ม

ด้านทัศนวิสัย ชัดเจนดี ทั้งจังหวะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเบามือ ไม่หนักเหมือนซีรี่ส์ 3 แม้จะใช้ระบบพวงมาลัยคล้ายคลึงกัน โดยออดี้เรียกว่า ระบบพวงมาลัยแบบอัตราทดแปรผันตามความเร็ว Audi Dynamic Steering System (ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูเรียกว่า Active Steering)

จากนั้นขับออกไปหาเส้นทางยาวเพื่อทดลองขับแบบนอกเมือง โดยใช้ถนนเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษก ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. เริ่มได้ยินเสียงลมประทะกระจกหน้าเข้ามารบกวนในห้องโดยสาร จังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไร้รอยต่อเนื่องจาก เอ4 รุ่นที่เราขับนั้นคบหากับเกียร์อัตโนมัติแบบ มัลติทรอนิค 8 สปีด พร้อมโหมดทิปทรอนิค ให้เปรับเปลี่ยนเกียร์เล่นได้เหมือนระบบเกียร์ธรรมดา

ความเร็วสูงสุดลองขับได้ราว 160 กม./ชม. เนื่องจากการจราจรไม่เอื้ออำนวย ซึ่งการเร่งความเร็วจากช่วง 100 กม./ชม. ขึ้นไปถึง 160 กม. ใช้เวลาสั้นและระยะทางไม่มาก ขณะที่ความเร็วสูงสุดตามคู่มือระบุไว้ว่าขับได้ถึง 218 กม./ชม.

การขับด้วยความเร็วราว 120-140 รถทรงตัว เกาะถนนได้ดี ไม่เสียชื่อรถเยอรมันสายพันธ์ยุโรป ส่วนใหญ่เราจะขับแบบสบายๆ ไม่เน้นกดคันเร่งหนัก จะมีลองคิกดาวน์แบบสุดคันเร่งบ้าง 4-5 ครั้ง พบว่า เจ้า เอ4 ก็ตอบสนองอย่างทันใจทุกครั้ง
สำหรับภายในห้องโดยสารหลังจากอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานับชั่วโมง ไม่มีอาการเมื่อยหรือล้าแต่อย่างใด เบาะนั่งหลังนั่งสบายเช่นเดียวกับเบาะหน้า และปิดท้ายกันด้วยไฮไลท์เด็ด ที่ถือว่าเป็นสิ่งสร้างชื่อและได้รับคำชื่นชมจากทั่วสารทิศ นั่นก็คือ “ไฟหน้าแบบ LED” 14 ดวง เรียงกันเป็นดีไซน์ ซึ่งเรากล้าพูดได้เต็มปากว่า “สวยบาดใจ” จริงๆ


สรุป บุคลิกโดยรวมของ เอ4 เบนซิน 1.8 คันนี้ เราว่าเป็นรถที่เหมาะกับการขับแบบเรื่อยๆ ชิลๆ แต่หากอยากแรงก็ตอบสนองได้ บวกกับอัตราการบริโภคน้ำมันตามคู่มือระบุ 13.51 กม./ลิตร กับราคาค่าตัว 2.89 ล้านบาท ไม่แตกต่างจากคู่แข่งมากนัก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่รับไว้พิจารณาสักหน่อยก็ดี








กำลังโหลดความคิดเห็น