“ผมรักเบสบอล” ฮิโรชิ นาคางาวะ ในขณะมือถือไม้ตาจับจ้องมองลูก และแหว่งแขนทั้งสองข้างออกไปเต็มแรง ช็อตนี้ตีได้ไกล ภาษาเบสบอลเรียกว่า “โฮมรัน”
ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่เพิ่งรับตำแหน่ง เมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมา เขาเป็นนายทัพใหญ่สายเลือดอาทิตย์อุทัย ที่พูดไทยได้บ้าง ฟังภาษาไทยได้ดี แต่นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับ ความคลั่งไคล้ในกีฬาเบสบอล
วันนี้เราไม่สนใจ ธุรกิจรถ หรือตลาดอีซูซุในเมืองไทยจะเป็นอย่างไร แต่การสนทนาจะขอพูดคุยเรื่องราวที่เขาไม่เคยเปิดเผยที่ไหน โดยเฉพาะความหลงใหลในกีฬาเบสบอล ชีวิตในมุมสบายๆ และบทเพลงไทยสุดรักของเขา เมื่อถือไมค์ครั้งใดเขาจะ ร้องเพลง “เงียบๆ คนเดียว” ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
“ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในเกมเบสบอลในวันนั้น ผมคงไม่ได้มาอยู่อีซูซุ” ฮิโรชิ นาคางาวะเริ่มเล่าความทรงจำที่อยู่ในห้วงลึก เกมของลูกผู้ชายที่เขาไม่เคยลืม
เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในช่วงมัธยมปลาย เป็นศึกการชิงชัยประจำจังหวัด รอบชิงชนะเลิศ ฮิโรชิ นาคางาวะ คือ กัปตันทีม ทีมของเขาถูกจับตามอง และถูกตั้งความหวังจะเป็นผู้ชนะ แต่ผลการแข่งขันออกมา ทีมแพ้
ความพ่ายแพ้ครั้งนั้น นายทัพอีซูซุ บอกว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงตีพิมพ์ว่าทีมของเขาแพ้ เพราะตัวเขาเล่นพลาด แม้ในขณะนั้นจะได้กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีม แต่คราบน้ำตาแห่งความปราชัย ณ เวลานั้น ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเล่นเบสบอล
“คนรอบด้านอาจไม่เข้าใจหรอก เมื่อผมทุ่มเท รักเบสบอล แต่ผลตอบรับกลับมา มันแพ้อย่างเจ็บปวด ผมโทษตัวเองในเวลานั้น ทำให้ผมทบทวนเลิกฝันที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพ”
อาจด้วยโชคชะตา ฟ้าลิขิตให้ ฮิโรชิ นาคางาวะ ไม่เป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพ นับจากนั้นเขามุมานะให้กับการเรียน และค่อยๆสร้างชีวิตการทำงานบนเส้นทางสายอาชีพพนักงานเอกชน และก้าวขึ้นมาสู่ผู้บริหารระดับสูงแห่งค่ายอีซูซุในปัจจุบัน หากแต่เบสบอลไม่เคยจางหายไปจากใจของเขา ความทรงจำและกลิ่นอายของเบสบอล มันเหมือนยังพลุกพล่านในหัวใจของเขาตลอดเวลา
“ให้ผมแข่งเบสบอล คงเล่นไม่ได้ แต่ใจอยากเล่นมาก เวลาขว้างลูก หรือหยิบไม้เบสบอลผมจะมีความสุข วันนี้ผมคงทำได้เพียง เล่นกับเด็กๆ ยุวชนทีมชาติไทยของกลุ่มอีซูซุ ซึ่งเป็นโครงการที่อีซูซุสนับสนุนอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2004 มีการส่งเข้าแข่งขันในต่างแดน เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง”
เวลาว่างของ ฮิโรชิ นาคางาวะ อาจไม่เหมือนคนอื่นๆ เขามักจะอยู่หน้าจอทีวี ชมการแข่งขันเบสบอล ซึ่งในเมืองไทยก็มีช่องทีวีญี่ปุ่นถ่ายทอดการแข่งขันเบสบอลเป็นประจำ
“ผมชอบทีม Hanshin Tiger เป็นสโมสรอยู่โอซากา ” เขาบอกว่า เป็นทีมท้ายๆตาราง ขึ้นมากลางตารางแข่งขันบ้าง ไม่เก่งมาก แต่เป็นทีมที่เขาติดตามเชียร์มาตลอด ถือเป็นแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่ง
รักทีมนี้ขนาด ถ้า Hanshin Tiger แข่งขันถ่ายทอดทางทีวี หากทีมนี้แพ้เขาปิดทันที แต่ถ้าชนะ เขาจะโทรกลับหาภรรยาทันที เพื่อแสดงความยินดีต่อกัน
“ภรรยาของผมก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ทีมนี้ ตอนรักกันแรกๆไม่ทราบเลยว่าเธอรักทีมเดียวกับผม แต่พอไปร้านขายของที่ระลึกทีม Hanshin Tiger ก็ทำให้รู้ว่าเราสองคนชอบทีมเดียวกัน ผมกับภรรยามีฝันเล็กๆว่า เมื่อถึงวัยเกษียณ จะไปย้ายไปอยู่เมือง นิชิโนมิยะ แถวๆโอซาก้า เพื่อเข้าไปเชียร์ทีมโปรดในสนาม”
ไม่น่าสงสัยนัก เมื่อ รอยยิ้ม และแววตาเป็นประกายของ นายทัพใหญ่อีซูซุ ในระหว่างการเล่าเรื่องเบสบอล ทำให้รับรู้ได้ว่า เขาหลงใหลกีฬาชนิดนี้อย่างที่สุด
เขาเปรียบเทียบถึงเกมเบสบอลกับฟุตบอลว่า เบสบอลในมุมมองของเขาสนุกกว่า ลุ้นมากกว่า ทุกนาทีไม่เหมือนเกมฟุตบอล ที่คุณลุกไปห้องน้ำแล้ว เกมก็ยังยิงกันไม่ได้ แต่เบสบอลทุกกนาทีมีแต้ม สามารถพลิกฝันได้ตลอด
เบสบอล ไม่ได้ให้แค่ความสนุกในความบันเทิงอย่างเดียว เขาบอกว่า มันคือ วิธีการนำมาคิดและประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี นั่นคือ “ทีมเวิร์ก”
คำว่า “ทีมเวิร์ก” ในความหมายของฮิโรชิ นาคางาวะ จึงถือว่าสำคัญที่สุดในการทำงาน เขาเปรียบเปรยว่า ทีมเบสบอลที่แข็งแกร่ง นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่อยู่ในการประสานในทีม ผู้เล่นทุกตำแหน่งมีบทบาทสำคัญสู่ชัยชนะ ตั้งแต่ระดับเล็กไปสู่ผู้บริหารระดับใหญ่
การทำงานในอีซูซุ เขามองว่า ความสำเร็จที่ไปสู่เป้าหมายจึงต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก ประสานงานกันเป็นทีม ดังนั้นเขาจึงใส่ใจกับการทำงานเป็นทีมอย่างมาก ใส่ใจกับลูกทีม บางครั้งเขาบอกว่า เขาอาจเป็นกัปตันทีม หรือ ผู้นำที่ใจดีเกินไป แต่นั่นก็ทำให้ลูกทีมรู้ว่า เขาจริงใจ
ประเทศไทยในความรู้สึกของเขา ครั้งแรกผ่านการรู้จากหนังสืออ่านทั่วไป มีคำเปรียบเปรยดินแดนแห่งนี้ว่า “ Land of smile”
เขามาเมืองไทย เมื่อสิบกว่าปีก่อน อยู่ได้ระยะหนึ่ง และจากเมืองไทยไปประจำที่ประเทศเปรู กระทั่งกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง ความหมายของดินแดนแห่งรอยยิ้มก็ชัดเจนขึ้น เมื่อคนไทยจะทักทายด้วยรอยยิ้ม แตกต่างจากบ้านเกิดที่เขาอยู่ถ้าไม่รู้จัก แทบจะหารอยยิ้มได้ยาก
เขาค้นพบอีกว่า คนไทย มีเสน่ห์อย่างที่คนทั่วโลกไม่ค่อยมี รอยยิ้ม และความเป็นกันเอง ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประเทศอื่นๆ
“คนญี่ปุ่นทำงานเหมือนเครื่องจักร มีระเบียบวินัยสูง คนไทยมีความเป็นมนุษย์มากกว่า มีความยืดหยุ่นสูง มองในแง่ดีชีวิตคนไทยมีความสุขมาก”
ระหว่างการสนทนา ถามเขาว่า เขาชอบอะไรในเมืองไทย เขายิ้มและบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาชอบทำเป็นประจำ คือ ชอบร้องเพลง เพลงโปรดในขณะที่ถือไมค์เกือบทุกครั้ง คือ เพลงเงียบๆคนเดียว ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
“ผมชอบเพลงช้า และความหมายเพลงนี้เหมือนชีวิตของผม อยู่อย่างเงียบๆ ส่วนอีกเพลงที่ผมชอบคือ เพลงซูบารุ ของดอน สอนระเบียบ นำมาร้องเป็นเพลงไทย”
… ฮิโรชิ นาคางาวะ ดูจะเป็นผู้นำที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก นี่แหละคือ บุคลิกของผู้นำที่ดี เก่งแต่ไม่อวด และจริงใจกับทุกคน
เรื่อง : วัฒนะชัย ยะนินทร M- Lite
ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่เพิ่งรับตำแหน่ง เมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมา เขาเป็นนายทัพใหญ่สายเลือดอาทิตย์อุทัย ที่พูดไทยได้บ้าง ฟังภาษาไทยได้ดี แต่นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับ ความคลั่งไคล้ในกีฬาเบสบอล
วันนี้เราไม่สนใจ ธุรกิจรถ หรือตลาดอีซูซุในเมืองไทยจะเป็นอย่างไร แต่การสนทนาจะขอพูดคุยเรื่องราวที่เขาไม่เคยเปิดเผยที่ไหน โดยเฉพาะความหลงใหลในกีฬาเบสบอล ชีวิตในมุมสบายๆ และบทเพลงไทยสุดรักของเขา เมื่อถือไมค์ครั้งใดเขาจะ ร้องเพลง “เงียบๆ คนเดียว” ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
“ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในเกมเบสบอลในวันนั้น ผมคงไม่ได้มาอยู่อีซูซุ” ฮิโรชิ นาคางาวะเริ่มเล่าความทรงจำที่อยู่ในห้วงลึก เกมของลูกผู้ชายที่เขาไม่เคยลืม
เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในช่วงมัธยมปลาย เป็นศึกการชิงชัยประจำจังหวัด รอบชิงชนะเลิศ ฮิโรชิ นาคางาวะ คือ กัปตันทีม ทีมของเขาถูกจับตามอง และถูกตั้งความหวังจะเป็นผู้ชนะ แต่ผลการแข่งขันออกมา ทีมแพ้
ความพ่ายแพ้ครั้งนั้น นายทัพอีซูซุ บอกว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงตีพิมพ์ว่าทีมของเขาแพ้ เพราะตัวเขาเล่นพลาด แม้ในขณะนั้นจะได้กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีม แต่คราบน้ำตาแห่งความปราชัย ณ เวลานั้น ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเล่นเบสบอล
“คนรอบด้านอาจไม่เข้าใจหรอก เมื่อผมทุ่มเท รักเบสบอล แต่ผลตอบรับกลับมา มันแพ้อย่างเจ็บปวด ผมโทษตัวเองในเวลานั้น ทำให้ผมทบทวนเลิกฝันที่จะเป็นนักกีฬาอาชีพ”
อาจด้วยโชคชะตา ฟ้าลิขิตให้ ฮิโรชิ นาคางาวะ ไม่เป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพ นับจากนั้นเขามุมานะให้กับการเรียน และค่อยๆสร้างชีวิตการทำงานบนเส้นทางสายอาชีพพนักงานเอกชน และก้าวขึ้นมาสู่ผู้บริหารระดับสูงแห่งค่ายอีซูซุในปัจจุบัน หากแต่เบสบอลไม่เคยจางหายไปจากใจของเขา ความทรงจำและกลิ่นอายของเบสบอล มันเหมือนยังพลุกพล่านในหัวใจของเขาตลอดเวลา
“ให้ผมแข่งเบสบอล คงเล่นไม่ได้ แต่ใจอยากเล่นมาก เวลาขว้างลูก หรือหยิบไม้เบสบอลผมจะมีความสุข วันนี้ผมคงทำได้เพียง เล่นกับเด็กๆ ยุวชนทีมชาติไทยของกลุ่มอีซูซุ ซึ่งเป็นโครงการที่อีซูซุสนับสนุนอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2004 มีการส่งเข้าแข่งขันในต่างแดน เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง”
เวลาว่างของ ฮิโรชิ นาคางาวะ อาจไม่เหมือนคนอื่นๆ เขามักจะอยู่หน้าจอทีวี ชมการแข่งขันเบสบอล ซึ่งในเมืองไทยก็มีช่องทีวีญี่ปุ่นถ่ายทอดการแข่งขันเบสบอลเป็นประจำ
“ผมชอบทีม Hanshin Tiger เป็นสโมสรอยู่โอซากา ” เขาบอกว่า เป็นทีมท้ายๆตาราง ขึ้นมากลางตารางแข่งขันบ้าง ไม่เก่งมาก แต่เป็นทีมที่เขาติดตามเชียร์มาตลอด ถือเป็นแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่ง
รักทีมนี้ขนาด ถ้า Hanshin Tiger แข่งขันถ่ายทอดทางทีวี หากทีมนี้แพ้เขาปิดทันที แต่ถ้าชนะ เขาจะโทรกลับหาภรรยาทันที เพื่อแสดงความยินดีต่อกัน
“ภรรยาของผมก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ทีมนี้ ตอนรักกันแรกๆไม่ทราบเลยว่าเธอรักทีมเดียวกับผม แต่พอไปร้านขายของที่ระลึกทีม Hanshin Tiger ก็ทำให้รู้ว่าเราสองคนชอบทีมเดียวกัน ผมกับภรรยามีฝันเล็กๆว่า เมื่อถึงวัยเกษียณ จะไปย้ายไปอยู่เมือง นิชิโนมิยะ แถวๆโอซาก้า เพื่อเข้าไปเชียร์ทีมโปรดในสนาม”
ไม่น่าสงสัยนัก เมื่อ รอยยิ้ม และแววตาเป็นประกายของ นายทัพใหญ่อีซูซุ ในระหว่างการเล่าเรื่องเบสบอล ทำให้รับรู้ได้ว่า เขาหลงใหลกีฬาชนิดนี้อย่างที่สุด
เขาเปรียบเทียบถึงเกมเบสบอลกับฟุตบอลว่า เบสบอลในมุมมองของเขาสนุกกว่า ลุ้นมากกว่า ทุกนาทีไม่เหมือนเกมฟุตบอล ที่คุณลุกไปห้องน้ำแล้ว เกมก็ยังยิงกันไม่ได้ แต่เบสบอลทุกกนาทีมีแต้ม สามารถพลิกฝันได้ตลอด
เบสบอล ไม่ได้ให้แค่ความสนุกในความบันเทิงอย่างเดียว เขาบอกว่า มันคือ วิธีการนำมาคิดและประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี นั่นคือ “ทีมเวิร์ก”
คำว่า “ทีมเวิร์ก” ในความหมายของฮิโรชิ นาคางาวะ จึงถือว่าสำคัญที่สุดในการทำงาน เขาเปรียบเปรยว่า ทีมเบสบอลที่แข็งแกร่ง นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่อยู่ในการประสานในทีม ผู้เล่นทุกตำแหน่งมีบทบาทสำคัญสู่ชัยชนะ ตั้งแต่ระดับเล็กไปสู่ผู้บริหารระดับใหญ่
การทำงานในอีซูซุ เขามองว่า ความสำเร็จที่ไปสู่เป้าหมายจึงต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก ประสานงานกันเป็นทีม ดังนั้นเขาจึงใส่ใจกับการทำงานเป็นทีมอย่างมาก ใส่ใจกับลูกทีม บางครั้งเขาบอกว่า เขาอาจเป็นกัปตันทีม หรือ ผู้นำที่ใจดีเกินไป แต่นั่นก็ทำให้ลูกทีมรู้ว่า เขาจริงใจ
ประเทศไทยในความรู้สึกของเขา ครั้งแรกผ่านการรู้จากหนังสืออ่านทั่วไป มีคำเปรียบเปรยดินแดนแห่งนี้ว่า “ Land of smile”
เขามาเมืองไทย เมื่อสิบกว่าปีก่อน อยู่ได้ระยะหนึ่ง และจากเมืองไทยไปประจำที่ประเทศเปรู กระทั่งกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง ความหมายของดินแดนแห่งรอยยิ้มก็ชัดเจนขึ้น เมื่อคนไทยจะทักทายด้วยรอยยิ้ม แตกต่างจากบ้านเกิดที่เขาอยู่ถ้าไม่รู้จัก แทบจะหารอยยิ้มได้ยาก
เขาค้นพบอีกว่า คนไทย มีเสน่ห์อย่างที่คนทั่วโลกไม่ค่อยมี รอยยิ้ม และความเป็นกันเอง ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประเทศอื่นๆ
“คนญี่ปุ่นทำงานเหมือนเครื่องจักร มีระเบียบวินัยสูง คนไทยมีความเป็นมนุษย์มากกว่า มีความยืดหยุ่นสูง มองในแง่ดีชีวิตคนไทยมีความสุขมาก”
ระหว่างการสนทนา ถามเขาว่า เขาชอบอะไรในเมืองไทย เขายิ้มและบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาชอบทำเป็นประจำ คือ ชอบร้องเพลง เพลงโปรดในขณะที่ถือไมค์เกือบทุกครั้ง คือ เพลงเงียบๆคนเดียว ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
“ผมชอบเพลงช้า และความหมายเพลงนี้เหมือนชีวิตของผม อยู่อย่างเงียบๆ ส่วนอีกเพลงที่ผมชอบคือ เพลงซูบารุ ของดอน สอนระเบียบ นำมาร้องเป็นเพลงไทย”
… ฮิโรชิ นาคางาวะ ดูจะเป็นผู้นำที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก นี่แหละคือ บุคลิกของผู้นำที่ดี เก่งแต่ไม่อวด และจริงใจกับทุกคน
เรื่อง : วัฒนะชัย ยะนินทร M- Lite