ข่าวในประเทศ – ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี “แซดเอฟ เลมฟอร์เดอร์” คว้าบิ๊กล็อตจากค่ายรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ทุ่ม 100 ล้านบาท ขยายไลน์ผลิตชิ้นส่วนเพลารองรับรุ่นซี-คลาส และอี-คลาส คาดดันรายได้พุ่งกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเล็งขยายใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศมากขึ้น
นายแอนเดรียส ไคลน์ รองประธานบริหาร บริษัท แซดเอฟ เลมฟอร์เดอร์ เอเชีย แปซิฟิก บริษัทในเครือแซดเอฟ โกลบอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากเยอมนี เปิดเผยว่า แซดเอฟฯ ได้เข้ามาลงทุนในไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ตั้งแต่ปี 2545 เพื่อผลิตชิ้นส่วนช่วงล่างให้กับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากยุโรป ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และวอลโว่ โดยไทยเป็น 1 ใน 32 โรงงาน และ 3 ศูนย์ออกแบบและพัฒนา ของแซดเอฟฯ ทั่วโลก ที่สำคัญเป็นฐานผลิตสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เช่นเดียวกับจีน และเกาหลี
“ล่าสุดแซดเอฟฯ ในประเทศไทยได้มีการลงทุนขยายไลน์การผลิตมูลค่ากว่า 100 ล้นบาท เพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนเพลาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั่นแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นต่อการผลิตและนวัตกรรมของเรา จากผู้ผลิตรถยนต์ระดับนำของยุโรป และแซดเอฟฯ เอเชีย แปซิฟิก พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับฐานการผลิตในประเทศไทย และซัพพลายเออร์ของเราในไทย”
ทั้งนี้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของแซดเอฟฯ ถึงแม้ปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะประสบปัญหาจากผลกระทบเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่การที่ไทยเป็นฐานผลิตของบริษัทรถยนต์ทั่วโลก และรัฐบาลไทยยังสนับสนุนรถยนต์ประเภทใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ หรือรถเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้ผู้ผลิตจากทั่วโลกยังเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย โดยแซดเอฟฯ หวังว่าจะมีส่วนร่วมในการโครงการรถยนต์ต่างๆ รวมถึงการได้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำให้แซดเอฟฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย
นายศิริฉัตร สมัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซดเอฟ เลมฟอร์เดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า การขยายไลน์การผลิตครั้งนี้ เพื่อรองรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นซี-คลาส และอี-คลาส โดยจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4,700 ชุดต่อปี และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตไปประมาณ 70-80% ซึ่งเป็นปริมาณการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบกับสภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
“การผลิตชิ้นส่วนเพลาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ นับเป็นครั้งแรกในไทยที่เราผลิตส่งให้ และผลจากคำสั่งซื้อดังกล่าวจะส่งผลต่อรายได้ของแซดเอฟฯ ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็น 350-380 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 250 ล้านบาท”
นอกจากการหาลูกค้ารายใหม่ๆ แล้ว ในส่วนของการใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศไทย แซดเอฟฯ มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มเช่นกัน โดยปัจจุบันชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นชุดช่วงล่างให้กับบริษัทรถยนต์ นำเข้าประมาณ 80% ที่เหลือจะเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาและพิจารณาผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานของแซดเอฟฯ อยู่ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้
นายแอนเดรียส ไคลน์ รองประธานบริหาร บริษัท แซดเอฟ เลมฟอร์เดอร์ เอเชีย แปซิฟิก บริษัทในเครือแซดเอฟ โกลบอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากเยอมนี เปิดเผยว่า แซดเอฟฯ ได้เข้ามาลงทุนในไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ตั้งแต่ปี 2545 เพื่อผลิตชิ้นส่วนช่วงล่างให้กับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากยุโรป ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และวอลโว่ โดยไทยเป็น 1 ใน 32 โรงงาน และ 3 ศูนย์ออกแบบและพัฒนา ของแซดเอฟฯ ทั่วโลก ที่สำคัญเป็นฐานผลิตสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เช่นเดียวกับจีน และเกาหลี
“ล่าสุดแซดเอฟฯ ในประเทศไทยได้มีการลงทุนขยายไลน์การผลิตมูลค่ากว่า 100 ล้นบาท เพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนเพลาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั่นแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นต่อการผลิตและนวัตกรรมของเรา จากผู้ผลิตรถยนต์ระดับนำของยุโรป และแซดเอฟฯ เอเชีย แปซิฟิก พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับฐานการผลิตในประเทศไทย และซัพพลายเออร์ของเราในไทย”
ทั้งนี้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของแซดเอฟฯ ถึงแม้ปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะประสบปัญหาจากผลกระทบเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่การที่ไทยเป็นฐานผลิตของบริษัทรถยนต์ทั่วโลก และรัฐบาลไทยยังสนับสนุนรถยนต์ประเภทใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ หรือรถเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้ผู้ผลิตจากทั่วโลกยังเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย โดยแซดเอฟฯ หวังว่าจะมีส่วนร่วมในการโครงการรถยนต์ต่างๆ รวมถึงการได้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำให้แซดเอฟฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย
นายศิริฉัตร สมัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซดเอฟ เลมฟอร์เดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า การขยายไลน์การผลิตครั้งนี้ เพื่อรองรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นซี-คลาส และอี-คลาส โดยจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4,700 ชุดต่อปี และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตไปประมาณ 70-80% ซึ่งเป็นปริมาณการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบกับสภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
“การผลิตชิ้นส่วนเพลาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ นับเป็นครั้งแรกในไทยที่เราผลิตส่งให้ และผลจากคำสั่งซื้อดังกล่าวจะส่งผลต่อรายได้ของแซดเอฟฯ ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็น 350-380 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 250 ล้านบาท”
นอกจากการหาลูกค้ารายใหม่ๆ แล้ว ในส่วนของการใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศไทย แซดเอฟฯ มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มเช่นกัน โดยปัจจุบันชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นชุดช่วงล่างให้กับบริษัทรถยนต์ นำเข้าประมาณ 80% ที่เหลือจะเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาและพิจารณาผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานของแซดเอฟฯ อยู่ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้