“คอนติเนนทอล” เดินหน้าเปิดโรงงานมูลค่า 5 พันล้านบาท ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ลุยส่งออกทั่วโลกปลายปีนี้ จากนั้นจึงจะผลิตป้อนค่ายรถในไทยปี 2553 เผย มีบางโครงการต้องเลื่อน หลังจากลูกค้าขยับแผนอีโคคาร์-ปิกอัพ แต่พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุน รวมถึงซื้อกิจการ และควบรวมธุรกิจในทุกๆ ที่ รวมถึงไทยหากมีโอกาส เพื่อผลักดันยอดขายเอเชียเป็น 25% ของรายได้ทั่วโลก ในปี 2556 จากปัจจุบันทำได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท
นายโวลเกอร์ วาร์เนกเกอร์ รองประธานอาวุโส ธุรกิจส่งกำลัง ประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มบริษัทคอนติเนนทอล เอจี ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของโลก เปิดเผยว่า แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่คอนติเนนทอลยังลงทุนเปิดโรงงานตามแผนทุกอย่าง ซึ่งได้มีการเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานและตอบสนองลูกค้า ซึ่งการเข้ามาลงทุนในไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็งของคอนติเนนทอลในเอเชีย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากทั่วโลกต่ำกว่า 20% เล็กน้อย ทั้งนี้ ในปี 2551 ที่ผ่านมาคอนติเนนทอลมีรายได้รวม 24 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท แต่ในปี 2556 เราคาดสัดส่วนรายได้จากเอเชียจะเพิ่มเป็น 25%”
ปัจจุบันในภูมิภาคเอเชียคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 6 แห่ง ซึ่งโรงงานที่ตั้งในภูมิภาคอาเซียนมี 2 แห่ง คือ ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ อีก 2 แห่ง โดยมีแผนว่าภายในปี 2555 จะขยายโรงงานเพิ่มเป็น 11 แห่ง ขณะที่ศูนย์อาร์แอนด์ดีจะเป็น 12 แห่ง เพื่อรองรับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย ที่จะกลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกในอนาคต
“เป็นความมุ่งมั่นของคอนติเนนทอลที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงการลงทุนตั้งโรงงานเอง คอนติเนนทอลยังได้มีการเข้าไปซื้อกิจการ หรือควบรวมธุรกิจอีก 2-3 แห่ง และแนวทางนี้เราก็ยังต้องการดำเนินการต่อไป ส่วนสนใจจะซื้อ-ควบรวมกิจการในไทยหรือไม่ เรื่องนี้คอนติเนนทอลมีฝ่ายที่ดูแลด้านนี้โดยตรงจึงไม่สามารถตอบได้ แต่ในทุกๆที่หากโอกาสเรามีความสนใจแน่นอน” นายวาร์เนกเกอร์ กล่าว
นายโธมัส แชมเบอร์ส กรรมการผู้จัดการบริษัท คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบทั่วโลก แตกต่างมากน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ อย่าง อเมริกาเหนือ หรือยุโรปชัดเจน ส่วนเอเชียนับว่ามีเสถียรภาพมาก จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
“ในส่วนของไทยได้รับผลกระทบบ้าง เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ หรือรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน และโครงการผลิตปิกอัพ ทำให้บางโครงการของคอนติเนนทอลในไทยเลื่อนออกไปตามผู้ผลิตรถยนต์ ส่วนแผนการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนก็เลื่อนออกไปเช่นกัน แต่ไม่ใช่ระยะเวลานานเป็นปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด”
นายไรเดอร์ ดัวร์ไฮเดอร์ ผู้จัดการทั่วไป ของโรงงานคอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า โรงงานคอนติเนนทอลในไทยตั้งอยู่ที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เพื่อผลิตหัวฉีด ปั๊มแรงดันสูง อุปกรณ์คลัสเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์ โดยไลน์ผลิตจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป และเตรียมการส่งออกชุดแรกไปยังประเทศจีน อินเดีย และ ยุโรป
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤจิกายน 2552 เป็นต้นไป จะมีการผลิตปั๊มแรงดันสูง และหัวฉีดอินเจกเตอร์ส่งมอบให้ผู้ผลิตรถยนต์ภายในไทยในปี 2553 และในอนาคตโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตปั๊มแรงดันสูงได้ 50,000 ตัวต่อปี และผลิตภัณฑ์หัวฉีดอินเจคเตอร์ได้ 2.5 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ ในอีก 2 ปี จะมีการผลิตอุปกรณ์คลัสเตอร์อย่างแผงหน้าปัดเพิ่มอีกผลิตภัณฑ์
นายโวลเกอร์ วาร์เนกเกอร์ รองประธานอาวุโส ธุรกิจส่งกำลัง ประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มบริษัทคอนติเนนทอล เอจี ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของโลก เปิดเผยว่า แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่คอนติเนนทอลยังลงทุนเปิดโรงงานตามแผนทุกอย่าง ซึ่งได้มีการเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานและตอบสนองลูกค้า ซึ่งการเข้ามาลงทุนในไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็งของคอนติเนนทอลในเอเชีย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากทั่วโลกต่ำกว่า 20% เล็กน้อย ทั้งนี้ ในปี 2551 ที่ผ่านมาคอนติเนนทอลมีรายได้รวม 24 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท แต่ในปี 2556 เราคาดสัดส่วนรายได้จากเอเชียจะเพิ่มเป็น 25%”
ปัจจุบันในภูมิภาคเอเชียคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ทั้งหมด 6 แห่ง และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 6 แห่ง ซึ่งโรงงานที่ตั้งในภูมิภาคอาเซียนมี 2 แห่ง คือ ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ อีก 2 แห่ง โดยมีแผนว่าภายในปี 2555 จะขยายโรงงานเพิ่มเป็น 11 แห่ง ขณะที่ศูนย์อาร์แอนด์ดีจะเป็น 12 แห่ง เพื่อรองรับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย ที่จะกลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกในอนาคต
“เป็นความมุ่งมั่นของคอนติเนนทอลที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงการลงทุนตั้งโรงงานเอง คอนติเนนทอลยังได้มีการเข้าไปซื้อกิจการ หรือควบรวมธุรกิจอีก 2-3 แห่ง และแนวทางนี้เราก็ยังต้องการดำเนินการต่อไป ส่วนสนใจจะซื้อ-ควบรวมกิจการในไทยหรือไม่ เรื่องนี้คอนติเนนทอลมีฝ่ายที่ดูแลด้านนี้โดยตรงจึงไม่สามารถตอบได้ แต่ในทุกๆที่หากโอกาสเรามีความสนใจแน่นอน” นายวาร์เนกเกอร์ กล่าว
นายโธมัส แชมเบอร์ส กรรมการผู้จัดการบริษัท คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบทั่วโลก แตกต่างมากน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ อย่าง อเมริกาเหนือ หรือยุโรปชัดเจน ส่วนเอเชียนับว่ามีเสถียรภาพมาก จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
“ในส่วนของไทยได้รับผลกระทบบ้าง เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ หรือรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน และโครงการผลิตปิกอัพ ทำให้บางโครงการของคอนติเนนทอลในไทยเลื่อนออกไปตามผู้ผลิตรถยนต์ ส่วนแผนการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนก็เลื่อนออกไปเช่นกัน แต่ไม่ใช่ระยะเวลานานเป็นปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด”
นายไรเดอร์ ดัวร์ไฮเดอร์ ผู้จัดการทั่วไป ของโรงงานคอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า โรงงานคอนติเนนทอลในไทยตั้งอยู่ที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เพื่อผลิตหัวฉีด ปั๊มแรงดันสูง อุปกรณ์คลัสเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์ โดยไลน์ผลิตจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป และเตรียมการส่งออกชุดแรกไปยังประเทศจีน อินเดีย และ ยุโรป
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤจิกายน 2552 เป็นต้นไป จะมีการผลิตปั๊มแรงดันสูง และหัวฉีดอินเจกเตอร์ส่งมอบให้ผู้ผลิตรถยนต์ภายในไทยในปี 2553 และในอนาคตโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตปั๊มแรงดันสูงได้ 50,000 ตัวต่อปี และผลิตภัณฑ์หัวฉีดอินเจคเตอร์ได้ 2.5 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ ในอีก 2 ปี จะมีการผลิตอุปกรณ์คลัสเตอร์อย่างแผงหน้าปัดเพิ่มอีกผลิตภัณฑ์