ข่าวในประเทศ - โช้คอัพ‘มอนโร’ หวังยอดขายปีนี้เติบโต 20% ครองส่วนแบ่งตลาด 8% เชื่อวิกฤตเศรษฐกิจกระทบไม่มาก เหตุเป็นสินค้าที่ต้องเปลี่ยนตามสภาพ ขณะที่ลูกค้าบางกลุ่มต้องการเรื่องสมรรถนะ
บุษมาลี แซ่เอีย ผู้บริหารผลิตภัณฑ์โช้คอัพรถยนต์ “มอนโร” (MONROE) บริษัท ทีอาร์ดับบลิว เอเชียติ๊ก จำกัด หรือ TAC เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มทำตลาดโช้คอัพมอนโรในเมืองไทยอย่างจริงจังมา 3 ปี และประสบความสำเร็จเติบโตเป็นเท่าตัวตลอดทุกปี โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาด 8% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท
“ในปีนี้มอนโรยังเชื่อว่าจะมียอดขายเติบโตเช่นเดียวกับ 3 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยตามสภาวะตลาดโลก และความผันผวนทางการเมืองของไทยเอง ทำให้คาดว่าน่าจะขยายตัวเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 20% หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 10%”
ทั้งนี้ถึงเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างมาก แต่โช้คอัพเป็นอะไหล่ทดแทนที่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ เพราะไทยมีรถยนต์มากกว่า 8 ล้านคันในตลาด และปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าบางกลุ่ม ที่นิยมเปลี่ยนโช้คอัพทันทีเมื่อซื้อรถมาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกลุ่มนี้จะใช้โช้คอัพสมรรถนะสูง หรือเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม ตรงกับคุณสมบัติของมอนโรที่เป็นโช้คอัพระดับโลก ที่ได้รับความนิยมสูงในทวีปอเมริกา และยุโรป ทำให้มอนโรเป็นผู้นำในตลาดโช้คอัพพรีเมี่ยมของไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากเกินครึ่ง
นางสาวบุษมาลีกล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จะเน้นสื่อสารการตลาดให้ลูกค้ารับทราบสมรรถนะที่ดีมีคุณภาพของมอนโร แต่มีราคาสมเหตุผลเมื่อเทียบกับคุณภาพ ราคา สมรรถนะ และอายุการใช้งาน ซึ่งนับว่าเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โดยจะใช้งบประมาณกิจกรรมการตลาด สอดคล้องกับยอดขายที่เติบโต 20% เช่นกัน จากมูลค่ายอดขายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้โช้คอัพมอนโรยังมีสินค้าครอบคลุมรถยนต์กว่า 80% และยังเตรียมนำเข้าโช้คอัพรุ่นใหม่ๆ มาทำตลาดในไทย เพื่อเพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมแก่ลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ยุโรป หรือญี่ปุ่น ทั้งในรุ่นที่มอนโรอะไหล่แท้ติดรถ และสินค้าอัพเกรดในตลาดอะไหล่ทดแทน
บุษมาลี แซ่เอีย ผู้บริหารผลิตภัณฑ์โช้คอัพรถยนต์ “มอนโร” (MONROE) บริษัท ทีอาร์ดับบลิว เอเชียติ๊ก จำกัด หรือ TAC เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มทำตลาดโช้คอัพมอนโรในเมืองไทยอย่างจริงจังมา 3 ปี และประสบความสำเร็จเติบโตเป็นเท่าตัวตลอดทุกปี โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาด 8% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท
“ในปีนี้มอนโรยังเชื่อว่าจะมียอดขายเติบโตเช่นเดียวกับ 3 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยตามสภาวะตลาดโลก และความผันผวนทางการเมืองของไทยเอง ทำให้คาดว่าน่าจะขยายตัวเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 20% หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 10%”
ทั้งนี้ถึงเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างมาก แต่โช้คอัพเป็นอะไหล่ทดแทนที่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ เพราะไทยมีรถยนต์มากกว่า 8 ล้านคันในตลาด และปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าบางกลุ่ม ที่นิยมเปลี่ยนโช้คอัพทันทีเมื่อซื้อรถมาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกลุ่มนี้จะใช้โช้คอัพสมรรถนะสูง หรือเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม ตรงกับคุณสมบัติของมอนโรที่เป็นโช้คอัพระดับโลก ที่ได้รับความนิยมสูงในทวีปอเมริกา และยุโรป ทำให้มอนโรเป็นผู้นำในตลาดโช้คอัพพรีเมี่ยมของไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากเกินครึ่ง
นางสาวบุษมาลีกล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จะเน้นสื่อสารการตลาดให้ลูกค้ารับทราบสมรรถนะที่ดีมีคุณภาพของมอนโร แต่มีราคาสมเหตุผลเมื่อเทียบกับคุณภาพ ราคา สมรรถนะ และอายุการใช้งาน ซึ่งนับว่าเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โดยจะใช้งบประมาณกิจกรรมการตลาด สอดคล้องกับยอดขายที่เติบโต 20% เช่นกัน จากมูลค่ายอดขายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้โช้คอัพมอนโรยังมีสินค้าครอบคลุมรถยนต์กว่า 80% และยังเตรียมนำเข้าโช้คอัพรุ่นใหม่ๆ มาทำตลาดในไทย เพื่อเพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมแก่ลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ยุโรป หรือญี่ปุ่น ทั้งในรุ่นที่มอนโรอะไหล่แท้ติดรถ และสินค้าอัพเกรดในตลาดอะไหล่ทดแทน
