อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงเวลาจัดงานโชว์มอเตอร์ไซค์ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะเป็นการรวมรวม "บิ๊กไบค์" เกือบทุกค่ายที่มีอยู่ในประเทศไทยมาไว้ที่เดียวกันภายใต้งานที่มีชื่อว่า "Bangkok Motorbike Festival 2009 " ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถจากเมืองปลาดิบอย่าง ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ และคาวาซากิ นอกจากนี้ยังมีค่ายรถระดับโลกอย่าง ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน ดูคาติ บีเอ็มดับบเลยู ไทรอัมพ์ แซคซ์ และสปายเดอร์
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่บรรดาค่ายบิ๊กไบค์จากฝั่งยุโรปนั้นพร้อมใจกันบอกว่ายังสู้ไหว เพราะรถบิ๊กไบค์คือรถคันที่ 2 ของที่ลูกค้าจะซื้อ และถือว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง ทั้งแต่ละค่ายยังมีคลับให้แฟนๆได้ร่วมเดินทางหรือมีกิจกรรมให้สนุกกันอีกด้วย จึงถือว่าอีกทางเลือกของลูกค้าในปัจจุบัน "ASTV ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง" จะพาไปพูดคุยถึงภาพรวมของตลาดบิ๊กไบค์และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ของค่ายบิ๊กไบค์ยุโรปกันบ้างหลังจากที่ปล่อยให้ค่ายญี่ปุ่นนั้นเข้ามาทำตลาดเรียกลูกค้าไปล่วงหน้าแล้ว
ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน มาแรงแซงโค้ง
เริ่มกันที่ค่ายฮาเล่ย์ เดวิดสัน ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาพร้อมกับดึงบอล ภราดร ศรีชาพันธุ์ เป็นฑูตตราสินค้า(Brand Ambassador) สะท้อนภาพลักษณ์ของสินค้า นายกฤตติน พิชัยศรแผลง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พาวเว่อร์สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า
" ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถจำหน่ายรถฮาเล่ย์ได้ทั้งสิ้น 100 คัน ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ทำให้เราตั้งเป้าเติบจากปีก่อนไว้ประมาณ 5-10% หรือจำหน่ายได้ราว 105-110 คัน โดยปัจจุบันบริษัทฯ จำหน่ายรถฮาร์เล่ย์ทั้งหมด 6 ตระกูล มากกว่า 30 รุ่น ในระดับราคาตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 2 ล้านบาทขึ้นไป"
สำหรับงานบางกอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล นี้ทางฮาเล่ย์มีจุดมุ่งหมายที่จะเปิดตัวให้คนทั่วไปรู้จักมากกว่าที่จะมาขายสินค้า และมีรถมาโชว์ครบไลน์ทั้งหมด 12 รุ่นด้วยกัน และคาดว่าภายในงานทั้ง 3 วันจะมียอดขายที่ประมาณ 6 คัน ส่วนการทำตลาดปี 2552 จะเน้นกลยุทธ์แบบ ไลฟ์สไตล์มาเก็ตกิ้งเป็นหลักและเชื่อว่าถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ยังเป็นที่นิยมของตลาด กลุ่มลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตมากนัก
ไทรอัมพ์ ครบทุกสไตล์
ทางด้านค่าย ไทรอัมพ์ โดนนายอัฏฐ์ อัศวานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท บริทไบค์ จำกัด กล่าวว่าในงานนี้ทางบริษัทจะมีรถมาโชว์ครบทุกรุ่นครอบคลุม 3 สไตล์ การขับขี่ของผู้บริโภค ได้แก่ รถแบบโมเดิร์น คลาสสิคแบบรถสปอร์ตและสุดท้ายแบบครุยเซอร์ไลน์ซุปเปอร์เดินทางไกล และจะเน้นที่ที่รถมีดีไซน์คลาสสิคเป็นหลัก
"หลังจากทีเราทำตลาดในประเทศไทยมาได้ประมาณ 2 ปีลูกค้าส่วนมากจะซื้อรถแบบโมเดิร์น คลาสสิคมากที่สุด ทั้งนี้ปริมาณตลาดรถบิ๊กไบค์ในไทยเองก็ไม่ได้ใหญ่โตนักมีผู้ใช้ประมาณ 100,000 คัน ซึ่งที่ผ่านมา 5 ปีของการทำตลาด พบว่ารถประเภทบิ๊กไบค์เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการไม่สูง แต่ขายได้ต่อเนื่อง ยอดขายไม่ตกตามภาวะเศรษฐกิจ"
ส่วนการขยายศูนย์ตัวแทนจำหน่ายนั้นทางไทรอัมพ์นั้นนายอัฏฐ์กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีแผนเพราะสาขาที่มีอยู่นั้นก็สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เนื่องจากอยู่ตามจังหวัดใหญ่ๆเช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ส่วนยอดขายในงานนั้นตั้งไว้ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 10 คัน และยอดขายทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 70 คัน
แซคซ์ น้องใหม่
อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับค่ายน้องใหม่จากเยอรมันอย่าง แซคซ์ ไบค์(Sachs Bike) เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดไม่นานนี้ และยังเป็นรถที่ไซส์เล็กที่เดียวเพราะเริ่มต้นที่ 125 ซีซี ราคาตั้งแต่ 57,000 - 62,000 บาท
นายปริย มโนมัยพิบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายตลาด บริษัท ไบค์ แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้จำหน่าย แซคซ์ ไบค์ และไทเกอร์ กล่าวว่า "สำหรับงานนี้เราหวังยอดขายไว้ที่ 15 - 20 คัน เพราะถ้าเทียบกับยอดขายแต่ละเดือนนั้นอยู่ที่ 100 - 150 คัน ส่วนยอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 500 คันในปีที่ผ่านมา ส่วนจุดเด่นของแซคซ์นั้นอยู่ที่ความแตกต่างของดีไซน์ โดยในส่วนของการออกแบบนั้นได้นำโครงสร้างส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ถังน้ำมันได้ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวถังรถ ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจ็คเตอร์ที่แสงไฟจะส่องออกเป็นลำพุ่งออกไปได้ในระยะไกล หลังจากที่ทำตลาดมาได้ประมาณ 1 ปีครึ่งเราคิดว่าตลาดบิ๊กไบค์นั้นยังมีลูกค้าที่ชอบความแตกต่างซึ่งเราจับกลุ่มลูกค้านั้นได้ ในปีนี้คิดว่ายอดขายจะไม่ต่างไปจากปีที่แล้วเพราะลูกค้าที่ซื้อรถส่วนมากไม่ค่อยกังวลกับสภาพเศรษฐกิจเท่าใดนัก"
สำหรับแซคซ์ก่อนที่จะมาทำรถบิคไบค์นั้นได้ทำธุรกิจผลิตโช๊คมาก่อน ทั้งนี้บริษัทได้มีการนำรถมาจำหน่ายรุ่น 2 รุ่น ด้วยกันคือ MadAss เครื่องยนต์ 125 ซีซี ราคาจำหน่ายเริ่มที่ 61,900 บาท และรุ่น Kikass เป็นมินิไบค์ ราคาเริ่มต้นที่ 57,000 บาท และมีการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอินโดนีเซียและสิงค์โปร์ ส่วนยอดจำหน่ายในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1,000 คัน โดยแบ่งเป็นรุ่นละ 500 คัน ส่วนกำลังการผลิตของโรงงานนั้นอยู่ที่ 300 - 500 คันต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะส่งรุ่นKikassไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย
สปายเดอร์ โรดสเตอร์ 3 ล้อพร้อมลุย
หนึ่งในรถที่มาอวดโฉมในงานมอเตอร์โชว์'09 และพร้อมขายอย่างเป็นทางการ สำหรับ "สปายเดอร์ โรดสเตอร์" (Spyder Roadster) รถ 3 ล้อรูปแบบใหม่ Y-Factor ที่บรรจุขุมพลัง 106 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยเวลาเพียง 4.3 วินาที ซึ่งนำเข้ามาทำตลาดโดย บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด นับว่าไทยเป็นประเทศแรกในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่่เปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวจำหน่าย สนนราคา 1.6 ล้านบาท
นายปุณณภพ อาสุสิริ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า "ภายในงานบางกอก มอเตอร์ไบค์นี้เราคาดว่าจะมียอดขายที่ 5 คันเพราะงานนี้เราอยากให้ลูกค้าเข้ามารู้จักรถก่อนมากกว่าว่าเป็นรถประเภทไหน ใช้งานอย่างไร เพราะบางคนคิดว่าจะมีปัญหากับการจดทะเบียนซึ่งเรารับประกันว่าจดได้ไม่มีปัญหา ส่วนการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์นั้นสามารถขายได้ 15 คันซึ่งถือว่าเกินคาดครับ"
ส่วนภาพรวมของตลาดบิ๊กไบค์นั้นนายปุณณภพกล่าวว่าขณะนี้เป็นจังหวะดีของค่ายรถจากยุโรปเพราะก่อนหน้านี้ในประเทศไทยมีให้เลือกไม่กี่รุ่นและราคาแพง ทั้งยังมีรูปแบบดีไซน์ไม่มาก และคิดว่าการทำตลาดของสปายเดอร์น่าจะเป็นความแตกต่างที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้แน่นอน ส่วนยอดจำหน่ายในปีนี้นั้น
เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟนสองล้อไซส์ใหญ่อย่างบิ๊กไบค์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเพราะนอกจากจะมีไฮไลท์ของแต่ละค่ายให้ไปดูกันแล้วก็ยังมีของดีอย่างรถที่แพงที่สุดคือ ดูกัตติ ราคา 3.5 ล้าน รถที่แรงที่สุดอย่าง ซูซูกิ ฮายาบูซะที่มีความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมทั้งรถเก่าที่สุดเอ็กเซลเวอร์ สัญชาติอเมริกันอายุกว่า 100 ปี โดยงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2552 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.