xs
xsm
sm
md
lg

“โฟกัส ดีเซล เกียร์พาวเวอร์ ชิฟท์” คอมแพคเปี่ยมสมรรถนะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ฟอร์ด” หนึ่งในบิ๊กทรีของอเมริกา ดูจะเป็นค่ายที่ได้รับผลกระทบน้อยสุด จากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เนื่องจากบริษัทฯแม่ในอเมริกาได้ผู้บริหารมือดีเข้ามาบริหารงานเพื่อกอบกู้วิกฤตและมีการเตรียมการปรับโครงสร้างมาก่อนใครเพื่อน

ส่วนผลกระทบกับ ฟอร์ด ในเมืองไทยนั้นมีบ้างแต่เพียงเล็กน้อย เพราะตลาดฟอร์ดของไทยเล็กเมื่อเทียบกับหลายประเทศและข่าวล่าสุด ฟอร์ด ตัดสินใจโยกย้ายสำนักงานบริหารประจำภูมิภาคที่เดิมอยู่เมืองไทยไปยังประเทศจีน ที่ตลาดขนาดใหญ่กว่า นัยว่าเพื่อลดค่าใช่จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน

อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงการปรับโครงสร้างในเชิงลดต้นทุนการบริหาร แต่เลี่ยงไม่ได้ถึงผลกระทบที่มีต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟอร์ดพยายามสร้างมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย และผลตอบรับเป็นอย่างไรก็จะแสดงอยู่ในยอดขายปลายปี

โดยในปี 2008 ฟอร์ด ปิดยอดด้วยตัวเลขรวม 9,093 คัน ส่วนยอดของตลาดรถยนต์นั่งทำได้ 1,111 คัน มีพระเอกเป็น “ฟอร์ด โฟกัส” ที่เลือกซุปเปอร์สตาร์เอเชีย “ทาทา ยัง” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ล่าสุดกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัว โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์ และเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ ดังที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เคยนำเสนอไปเมื่อครั้งร่วมทดสอบที่ประเทศฟิลิปปินส์

คราวนี้เราได้มีโอกาสทดสอบเจ้า ฟอร์ด โฟกัส ดีเซล เกียร์ออโต้ อีกครั้งบนถนนของเมืองไทย ให้สมกับการใช้งานจริงของผู้บริโภคคนไทยทุกคน ฟอร์ด เลือกเส้นทาง กรุงเทพฯ – เลย- กรุงเทพฯ รวมระยะทางการวิ่งไป-กลับร่วม 1 พันกิโลเมตร
ในด้านสเปคของตัวรถเราคงไม่ขอย้อนกลับไปเอ่ยถึงอีก มาเข้าเรื่องของการเดินทางทดสอบ เริ่มต้นจาก ปั๊ม ปตท. แถวๆ ร.1 ริมถนนวิภาวดี ทีมงานฟอร์ดจัดให้สื่อมวลชนนั่งไปเป็นกลุ่ม 4 คนต่อโฟกัส 1 คัน พื่อให้ทดลองขับและนั่งกันแบบเต็มสมรรถนะ

เราเดินทางร่วมไปกับ คุณสุรชัย จากฐานเศรษฐกิจ, คุณอัตฐา และคุณศรันรัตน์ รวมเป็น 4 ท่านพอดี โดยในช่วงแรกผู้เขียนประจำการในตำแหน่งผู้โดยสารเบาะหลังฝั่งขวา ความรู้สึกที่สัมผัสได้ก่อนอื่นคือ ไม่อัดอัด นั่งแล้วยังมีพื้นที่ตรงเข่าเหลือแบบสบายๆ

สิ่งที่สัมผัสได้ประการต่อมา เป็นเรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ตำแหน่งหลังขวาที่เรานั่งมาเสียงยางบดถนนเวลาวิ่ง รู้สึกว่าได้ยินน้อยกว่ารถขนาดคอมแพคของค่ายอื่น เบาะนั่งสบายเอนหลังได้ไม่ชันมากจนเกินไป ส่วนคุณภาพของวัสดุจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่น้อยหน้าใคร

เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางบางบัวทอง มุ่งหน้าไปยังสุพรรณบุรี เราสามารถรู้ได้ทันทีว่าเข้าเขตจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว เมื่อไม่รู้สึกถึงเสียงดังจากรอยต่อหรือหลุมป่ะบนพื้นผิวถนน นับว่าเป็นถนนเส้นที่เราคิดว่าเรียบที่สุดในประเทศไทย แถมยังกว้างและค่อนข้างโล่ง ทำความเร็วได้เต็มที่ เท่าที่สังเกตุผู้ขับเหยียบเร็วเกินกว่า 140 กม./ชม. ตลอด

ถึงจุดแวะพักเปลี่ยนผู้ขับพบว่า มีรถในกลุ่มทดสอบขับหลงทางไป 1 คัน ทราบเมื่อตอนขับมาทันกันภายหลังที่จุดแวะพักที่ 2 ว่า หลงไปใช้เส้นทางสายอยุธยา ก่อนจะวกกลับมาเข้าเส้นทางสุพรรณอีกครั้ง โดยกดคันเร่งทำความเร็วเกือบแตะ 200 กม./ชม. แทบจะตลอด เพื่อหวังให้ทันกลุ่ม

ส่วนความเร็วคันของเราช่วงนี้วิ่งอยู่ราว 140-180 กม./ชม. นำหน้ารถนำขบวนอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเปลี่ยนคนขับเป็นรอบที่ 3 ณ จุดแวะพักที่ 2 และเราได้เข้ามาประจำการในตำแหน่งสารถี

ความรู้สึกแรกเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย พบว่า เจ้าโฟกัสมีทัศนวิสัยดี เบาะนั่งโอบกระชับตัว พวงมาลัย เหมือนจะใหญ่ไปหน่อย แต่ก็จับถนัดมือ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด การจัดวางตำแหน่งของปุ่มต่างๆ ดูมีสไตล์ ไม่เหมือนรถอเมริกัน โดยเฉพาะเรือนไมล์ดูสปอร์ตมาก

ช่วงจังหวะออกตัว โฟกัสตอบสนองทันใจด้วย แรงบิดสูงสุดขนาด 320 นิวตันเมตร ที่มาในรอบต่ำเพียง 2,000 รอบ/นาทีเท่านั้น ประกอบกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ ทำงานสอดรับกันอย่างลงตัวทำให้ โฟกัส ดีเซลกลายเป็นรถขับสนุกอีกหนึ่งคัน
พละกำลังสูงสุดขนาด 136 แรงม้า เพียงพอจะทำให้เราเหยียบเจ้าฟอร์ด โฟกัส แตะไปที่ความเร็ว 200 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น แถมยังมีแนวโน้มว่าจะสามารถทำความเร็วสูงมากกว่านี้ได้อีกหากมีถนนเหลือ สำหรับเสียงรบกวนจากภายนอกเสียงลมจะเริ่มดังชัดที่ความเร็วระดับ 160 กม./ชม.ขึ้นไป

และเมื่อมาถึงจุดแวะพัก 3 เขตจังหวัดนครสวรรค์เพื่อจอดเติมน้ำมัน เราเก็บตัวเลขอัตราการบริโภคมาฝาก คันของเราเฉลี่ยอยู่ที่ 13.7 กม./ลิตร กับระยะทางวิ่งเกือบ 300 กิโลเมตร ด้วยความเร็วดังที่กล่าวมา ถือว่า สุดยอดประหยัด ขณะที่คันอื่นอีก 3 คันที่เหลือซึ่งวิ่งมาด้วยกันแต่ไม่ทราบชัดว่า ขับกันอย่างไร ตัวเลขอยู่ที่ระดับประมาณ 11-12 กว่า กม./ลิตร นับว่า ใกล้เคียงกัน พอจะยืนยันความประหยัดได้เป็นอย่างดี

จากนั้นเราได้ขับต่อโดยวิ่งบนนทางหลวงหมายเลข 117 มุ่งหน้าพิษณุโลก โดยในช่วงถนนสายนี้ขบวนฟอร์ด โฟกัสของเราพบกับ ขบวนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเราขับแซงพวกเขาด้วยความเร็วย่าน 180-190 กม./ชม. โฟกัสยังคงให้ความอุ่นใจด้านการทรงตัวอย่างเต็มเปี่ยม ตัวรถวิ่งนิ่งมาก

แต่เพียงชั่วอึดใจ รถจักรยานยนต์บีเอ็มฯ ก็กลับขับแซงหน้าเราไปแบบไม่เห็นฝุ่น ได้แค่มองตามจนถึงระยะสุดสายตา ทั้งที่เรายังไม่ลดความเร็วจาก 180 กม./ชม. เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะมาทันกันอีกครั้งแถวๆ ไฟแดง เราได้ขับควบคู่กับขบวนจักรยานยนต์บีเอ็มฯ อยู่อีกระยะหนึ่ง ทำให้ทราบถึงว่า อัตราเร่งของโฟกัส ดีไม่แพ้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว

ในการเดินทางช่วงเข้าสู่จังหวัดเลย จะมีถนนเป็นลักษณะของการขึ้น-ลง และเข้าโค้งภูเขาสูง ทำให้เราได้ทดลองการเกาะถนน และพบว่า ช่วงล่างของ ฟอร์ด โฟกัส หนึบและสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ขับในทุกโค้ง

ทั้งนี้ นอกจากการขับแบบปกติแล้ว ทีมงานฟอร์ด ได้จัดการแข่งควอเตอร์ไมล์ (ขับรถในระยะทาง 0-402 เมตร) ระหว่าง รถโฟกัส เครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเกียร์ธรรมดา กับ รุ่นเกียร์ ออโต้ ขึ้นเพื่อหวังให้สื่อมวลชนพิสูจน์สมรรถนะอันสมบูรณ์แบบของเกียร์ที่ว่านี้

ก่อนอื่นเราขอขยายความอีกสักนิดเรื่องของระบบเกียร์ออโต้ที่ ฟอร์ด เรียกว่า พาวเวอร์ชิฟท์(Power Shift) อาจจะยังมีหลายคนสงสัย เราถามความกระจ่างมาให้แล้ว ถ้าโดยลักษณะของการใช้งานที่เราสัมผัสได้จะเป็นเหมือนเกียร์ออโต้ทั่วไป ทว่า หากเจาะลึกลงไปในระบบการทำงานของชิ้นส่วนในห้องเกียร์แล้วจะมีลักษณะเป็นแบบเกียร์ธรรมดา

กล่าวคือ ระบบเกียร์นี้จะมีคลัทซ์ 2 ชุดทำงานโดยการควบคุมแบบอัตโนมัติ (เป็นที่มาของคำเรียกขาน ดูอัลคลัทช์ และหากเอาคลัทซ์ออกไปชุดนึงก็จะใกล้เคียงเกียร์ธรรมดาเราดีๆ นี่เอง) ซึ่งระบบเกียร์ดังกล่าวนี้ก็เหมือนระบบเกียร์ PDK ของปอร์เช่ และรถหรูยุโรปอื่นๆ ซึ่งผลิตโดยโรงงาน GETRAG บริษัทผลิตเกียร์ชื่อดังจากเยอรมนี

รู้จักระบบเกียร์กันแล้วกลับมาดูผลการแข่งควอเตอร์ไมล์ แข่งโดยจับคู่กันแล้สลับกันขับ สื่อมวลชนทั้งหมด 16 คน มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ขับรถเกียร์ออโต้ พาวเวอร์ชิฟท์ แพ้เกียร์ธรรมดา (เพราะปลดเบรกมือไม่สุด) ส่วนที่เหลืออีก 15 คนชนะเกียร์ธรรมดาทั้งหมด เป็นที่สังเกตุว่าช่วงออกตัวเกียร์ธรรมดาจะนำก่อนจะถูกเกียร์ออโต้แซงในช่วงปลายก่อนเข้าเส้นชัยเสมอ

สรุป ฟอร์ด โฟกัส ดีเซล เกียร์ออโต้ (พาวเวอร์ ชิฟท์) ครบเครื่องทั้งความแรง ความประหยัด คุณภาพของชิ้นงาน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย กับสนนราคาค่าตัว 1.099 ล้านบาท สูงไปหรือไม่ เป็นคำถามที่คุณต้องตอบตัวเองว่า ต้องการอะไรจากการซื้อรถขนาดคอมแพคด้วยเงินหลักล้าน ใช้งานเต็มสมรรถนะหรือเพื่อการอื่น?
















กำลังโหลดความคิดเห็น