ข่่าวต่างประเทศ - แม้หลายฝ่ายมั่นใจและมีการวิเคราะห์ว่าตลาดรถยนต์ในจีนช่วงปีนี้ยังไงก็น่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2008 เพียงแต่ว่าตัวเลขของการขยายตัวอาจจะไม่หวือหวาเท่าใดนัก แต่ทว่าบริษัทวิจัยชื่อดังอย่างเจดี เพาเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอสต์กลับไม่เชื่ออย่างนั้น และทำนายว่าในปี 2009 ตลาดรถยนต์จีนจะมียอดขายเพียง 8.57 ล้านคัน หรือลดลงจากในปีที่แล้วอย่างแน่นอน
เว็บไซต์แคนาเดี้ยนไดร์ฟเวอร์เปิดเผยโดยอ้างถึงรายงานของเจดี เพาเวอร์ สาขาเอเชียแปซิฟิกซึ่งระบุว่า จากปัจจัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันรวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจในจีนที่กำลังหดตัวอย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาเชื่อว่าตลาดรถยนต์จีนจะมียอดขายลดลงจากปี 2008 ถึง 2% โดยมีตัวเลขอยู่ในระดับ 8.57 ล้านคัน โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กมียอดขายในระดับ 2.75 ล้านคัน ลดลงจากปี 2008 อยู่ 3% ส่วนรถยนต์นั่งรวมถึงเอ็มพีวีและเอสยูวีจะมียอดขายอยู่ในระดับ 5.83 ล้านคัน ซึ่งลดลงประมาณ 1%
‘แน่นอนว่าในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ตลาดซึ่งเคยร้อนแรงอย่างจีนจะต้องพบกับสภาพที่หดตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายปี โดยมีปัจจัยมาจากการได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ ทั้งจากเศรษฐกิจภายใน ประเทศและของตลาดทั่วโลก’ ไมเคิล ดันน์ กรรมการผู้จัดการของเจดี เพาเวอร์ สาขาเอเชียแปซิฟิกกล่าว ‘โดยมีการรายงานออกมาว่าในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดการส่งออกของจีนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ซึ่งตรงนี้จะเป็นผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปยังตลาดรถยนต์อย่างแน่นอน’
อย่างไรก็ตาม นายดันน์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดรถยนต์แห่งอื่นๆ ทั่วโลก แม้จะมีตัวเลขยอดขายที่ลดลง แต่ตลาดจีนก็ยังมีความเข้มแข็งมากกว่า และยังได้รับการสนับสนุนในทุกๆ ด้านจากทางรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างความมั่นใจผ่านทางนโยบายใหม่ที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเน้นไปที่ตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ทางเจดีเพาเวอร์ เอเชีย แปซิฟิกยังเปิดเผยอีกว่า อีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์หดตัวคือ เรื่องของการเปลี่ยนแปลงการขึ้นภาษีการซื้อขายและภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม B ถึง D Segment ซึ่งเชื่อว่ายอดขายเฉพาะรถยนต์ขนาดซับคอมแพ็กต์ในจีนจะลดลง 2% ส่วนตลาดรถยนต์ครอบครัวและคอมแพ็กต์คาร์จะลดลง 4 และ 3 %
เว็บไซต์แคนาเดี้ยนไดร์ฟเวอร์เปิดเผยโดยอ้างถึงรายงานของเจดี เพาเวอร์ สาขาเอเชียแปซิฟิกซึ่งระบุว่า จากปัจจัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันรวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจในจีนที่กำลังหดตัวอย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาเชื่อว่าตลาดรถยนต์จีนจะมียอดขายลดลงจากปี 2008 ถึง 2% โดยมีตัวเลขอยู่ในระดับ 8.57 ล้านคัน โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กมียอดขายในระดับ 2.75 ล้านคัน ลดลงจากปี 2008 อยู่ 3% ส่วนรถยนต์นั่งรวมถึงเอ็มพีวีและเอสยูวีจะมียอดขายอยู่ในระดับ 5.83 ล้านคัน ซึ่งลดลงประมาณ 1%
‘แน่นอนว่าในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ตลาดซึ่งเคยร้อนแรงอย่างจีนจะต้องพบกับสภาพที่หดตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายปี โดยมีปัจจัยมาจากการได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ ทั้งจากเศรษฐกิจภายใน ประเทศและของตลาดทั่วโลก’ ไมเคิล ดันน์ กรรมการผู้จัดการของเจดี เพาเวอร์ สาขาเอเชียแปซิฟิกกล่าว ‘โดยมีการรายงานออกมาว่าในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดการส่งออกของจีนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 17% ซึ่งตรงนี้จะเป็นผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปยังตลาดรถยนต์อย่างแน่นอน’
อย่างไรก็ตาม นายดันน์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดรถยนต์แห่งอื่นๆ ทั่วโลก แม้จะมีตัวเลขยอดขายที่ลดลง แต่ตลาดจีนก็ยังมีความเข้มแข็งมากกว่า และยังได้รับการสนับสนุนในทุกๆ ด้านจากทางรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างความมั่นใจผ่านทางนโยบายใหม่ที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเน้นไปที่ตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ทางเจดีเพาเวอร์ เอเชีย แปซิฟิกยังเปิดเผยอีกว่า อีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์หดตัวคือ เรื่องของการเปลี่ยนแปลงการขึ้นภาษีการซื้อขายและภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม B ถึง D Segment ซึ่งเชื่อว่ายอดขายเฉพาะรถยนต์ขนาดซับคอมแพ็กต์ในจีนจะลดลง 2% ส่วนตลาดรถยนต์ครอบครัวและคอมแพ็กต์คาร์จะลดลง 4 และ 3 %