เปิดตลาดรถยนต์ไทยปีวัวบ้า ยอดขายร่วง 30% ...มีข่าวปลดคนงานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์นับแสนคัน หรือค่ายรถเรียกร้องรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ด่วน ทั้งมาตรการลดภาษี ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์... สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ ได้ส่งผลกระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างรุนแรง แน่นอน “ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์” ประธานจัดงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป” 1 ใน 2 รายการจัดแสดงรถยนต์รายการใหญ่ของไทย จะมองเรื่องเหล่านี้อย่างไร? และในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในไทย จะเข้ามามีส่วนร่วมผลักดันอุตฯ รถยนต์ไทย ให้สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้อย่างไรบ้าง?
มองตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ยังไง
วิกฤตเศรษฐกิจเริ่มจากในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และต่อมาได้ลุกลามสู่ภายนอก จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย และคาดว่าตลอดทั้งปีตลาดรถยนต์ไทยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะมียอดขายติดลบ 15-17% หรือทำได้ประมาณ 5 แสนคัน ส่วนส่งออกน่าจะลดลง 25-30%
คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้เมื่อไหร่
จากการที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ใส่เงินเข้าไปใน เริ่มเห็นสัญญาณการตกต่ำของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ความเชื่อมั่นฟื้นกลับคืนมา ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่ยังรุนแรงอยู่ แต่ยังไงช่วงครึ่งแรกปีนี้ต้องได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่งเป็นผลพวงจากการตกต่ำในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่จะเห็นสัญญาณเริ่มนิ่งในช่วงไตรมาส 3 และฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4 โดยเมืองไทยน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อเรียกร้องบริษัทรถต่อรัฐบาล
บางข้อเรียกร้องก็เห็นด้วย บางอย่างก็ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากอัตรา 7% เหลือ 3% เพราะเป็นภาษีโดยรวมของประเทศ ถ้าจะลดต้องลดหมดทุกธุรกิจ แต่ทำให้เกิดการสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล ยิ่งรัฐบาลจัดทำงบประมาณขาดดุลกว่า 3 แสนล้านบาท หากลดภาษีจะหาเงินจากไหนมาบริหารประเทศ ส่วนเรื่องรัฐบาลค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ ไม่เห็นด้วยเช่นกันควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไก และส่งผลต่อวินัยการเงินการคลัง ซึ่งหากเร่งแก้ให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว การปล่อยกู้ก็ย่อมผ่อนคลายลงตามธรรมชาติเอง
อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยการลดนิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพราะบางประเภทรถยนต์ก็สูงมาก หากลดลงทำให้ราคารถยนต์ปรับลง ก็จะกระตุ้นการซื้อได้พอสมควร และไม่กระทบภาพรวมรายได้ของทั้งประเทศด้วย ส่วนการนำค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไปหักลดภาษี ถ้าทำได้ก็ดีเหมือนกับการซื้อบ้าน หรือที่อยู่อาศัย
แล้วที่จีเอ็มให้รัฐฯ สนับสนุนเงิน
ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม เพราะการใส่เงินลงไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยจะไม่คุ้ม เพราะผู้ที่ได้มากที่สุดเป็นบริษัทรถยนต์ข้ามชาติ คนไทยได้ก็เพียงแค่ค่าแรงงานเท่านั้น ไม่เหมือนสหรัฐอเมริกาที่บริษัทรถยนต์เป็นของเขา
จะมีส่วนช่วยอุตฯ รถไทยอย่างไร
นับเป็นช่วงยากลำบากทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค แต่หากเราทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วยกัน จะสามารถขับเคลื่อนฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เราได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 26 ปลายปีนี้ เราจึงจัดงานภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อน...สู่ความหวัง” เพื่อเป็นศูนย์กลางรวมพลังของทุกฝ่าย โดยในส่วนของเราผู้จัดงานฯ จะยังตรึงราคาค่าเช่าพื้นที่เช่นเดิม ซึ่งไม่มีการปรับราคามา 2-3 ปีแล้ว นอกจากนี้จากเดิมแบ่งเป็นกลุ่มมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100, 350 และ 500 คัน จะปรับลดยอดขายลงเพื่อให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่พิเศษกับค่ายรถ และยังเป็นการกระตุ้นให้บริษัทใหม่ๆ เข้ามาร่วมงานมากขึ้นด้วย
ในส่วนของผู้บริโภคทั่วไป
ยังคงมีสิทธิ์ลุ้นโชครถยนต์เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นผู้มาชมงานทั่วไป และผู้ซื้อรถยนต์ภายในงาน และจากการสำรวจวิจัยของเราเอง พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งบ้านเรายังไม่มีการอบรมอย่างถูกต้องเป็นภาพรวม มีแต่บริษัทรถทำใครทำมัน ทั้งที่สาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ขับขี่ไม่ทักษะการควบคุมบังคับรถ ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเพียงพอ
ดังนั้นเราจึงโครงการ “ขับรถ...ปลอดภัย กับสื่อสากล” ขึ้นมา เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้อง และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างถูกวิธี โดยแยกการอบรมเป็นรถยนต์ 3 แบบ คือ รถขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้รับฝึกขับขี่อย่างถูกต้องทั้ง 3 แบบภายในวันเดียว สำหรับปีนี้เบื้องต้นจะจัดอบรม 1-2 ครั้ง โดยผู้มาชมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือซื้อรถยนต์ในงาน รวมถึงลูกค้านิตยสารในเครือสากล จะได้รับส่วนลดพิเศษด้วย
มองตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ยังไง
วิกฤตเศรษฐกิจเริ่มจากในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และต่อมาได้ลุกลามสู่ภายนอก จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย และคาดว่าตลอดทั้งปีตลาดรถยนต์ไทยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะมียอดขายติดลบ 15-17% หรือทำได้ประมาณ 5 แสนคัน ส่วนส่งออกน่าจะลดลง 25-30%
คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้เมื่อไหร่
จากการที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ใส่เงินเข้าไปใน เริ่มเห็นสัญญาณการตกต่ำของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ความเชื่อมั่นฟื้นกลับคืนมา ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่ยังรุนแรงอยู่ แต่ยังไงช่วงครึ่งแรกปีนี้ต้องได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่งเป็นผลพวงจากการตกต่ำในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่จะเห็นสัญญาณเริ่มนิ่งในช่วงไตรมาส 3 และฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4 โดยเมืองไทยน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อเรียกร้องบริษัทรถต่อรัฐบาล
บางข้อเรียกร้องก็เห็นด้วย บางอย่างก็ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากอัตรา 7% เหลือ 3% เพราะเป็นภาษีโดยรวมของประเทศ ถ้าจะลดต้องลดหมดทุกธุรกิจ แต่ทำให้เกิดการสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล ยิ่งรัฐบาลจัดทำงบประมาณขาดดุลกว่า 3 แสนล้านบาท หากลดภาษีจะหาเงินจากไหนมาบริหารประเทศ ส่วนเรื่องรัฐบาลค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ ไม่เห็นด้วยเช่นกันควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไก และส่งผลต่อวินัยการเงินการคลัง ซึ่งหากเร่งแก้ให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว การปล่อยกู้ก็ย่อมผ่อนคลายลงตามธรรมชาติเอง
อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยการลดนิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพราะบางประเภทรถยนต์ก็สูงมาก หากลดลงทำให้ราคารถยนต์ปรับลง ก็จะกระตุ้นการซื้อได้พอสมควร และไม่กระทบภาพรวมรายได้ของทั้งประเทศด้วย ส่วนการนำค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไปหักลดภาษี ถ้าทำได้ก็ดีเหมือนกับการซื้อบ้าน หรือที่อยู่อาศัย
แล้วที่จีเอ็มให้รัฐฯ สนับสนุนเงิน
ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม เพราะการใส่เงินลงไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยจะไม่คุ้ม เพราะผู้ที่ได้มากที่สุดเป็นบริษัทรถยนต์ข้ามชาติ คนไทยได้ก็เพียงแค่ค่าแรงงานเท่านั้น ไม่เหมือนสหรัฐอเมริกาที่บริษัทรถยนต์เป็นของเขา
จะมีส่วนช่วยอุตฯ รถไทยอย่างไร
นับเป็นช่วงยากลำบากทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค แต่หากเราทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วยกัน จะสามารถขับเคลื่อนฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ในฐานะผู้จัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เราได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 26 ปลายปีนี้ เราจึงจัดงานภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อน...สู่ความหวัง” เพื่อเป็นศูนย์กลางรวมพลังของทุกฝ่าย โดยในส่วนของเราผู้จัดงานฯ จะยังตรึงราคาค่าเช่าพื้นที่เช่นเดิม ซึ่งไม่มีการปรับราคามา 2-3 ปีแล้ว นอกจากนี้จากเดิมแบ่งเป็นกลุ่มมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100, 350 และ 500 คัน จะปรับลดยอดขายลงเพื่อให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่พิเศษกับค่ายรถ และยังเป็นการกระตุ้นให้บริษัทใหม่ๆ เข้ามาร่วมงานมากขึ้นด้วย
ในส่วนของผู้บริโภคทั่วไป
ยังคงมีสิทธิ์ลุ้นโชครถยนต์เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นผู้มาชมงานทั่วไป และผู้ซื้อรถยนต์ภายในงาน และจากการสำรวจวิจัยของเราเอง พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งบ้านเรายังไม่มีการอบรมอย่างถูกต้องเป็นภาพรวม มีแต่บริษัทรถทำใครทำมัน ทั้งที่สาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ขับขี่ไม่ทักษะการควบคุมบังคับรถ ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเพียงพอ
ดังนั้นเราจึงโครงการ “ขับรถ...ปลอดภัย กับสื่อสากล” ขึ้นมา เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้อง และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างถูกวิธี โดยแยกการอบรมเป็นรถยนต์ 3 แบบ คือ รถขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้รับฝึกขับขี่อย่างถูกต้องทั้ง 3 แบบภายในวันเดียว สำหรับปีนี้เบื้องต้นจะจัดอบรม 1-2 ครั้ง โดยผู้มาชมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือซื้อรถยนต์ในงาน รวมถึงลูกค้านิตยสารในเครือสากล จะได้รับส่วนลดพิเศษด้วย