สานต่อความสำเร็จหลังจากที่ส่งรุ่นคูเป้ออกมาทำตลาดเมื่อต้นปี 2008 โดยคราวนี้ถึงคิวของรุ่นสปายเดอร์ หรือเปิดประทุนในสายพันธุ์ Gallrdo บ้างที่จะมีเวอร์ชันตัวแรงในรหัส LP560-4 มาทำตลาด
สำหรับรหัสรุ่นย่อยหลายคงอาจสงใส แต่สำหรับแฟนๆ ของลัมบอร์กินีพอดูแล้วก็ร้องอ๋อ เพราะ LP เป็นตัวย่อมาจากคำว่า Longitudinale Posteriore ในภาษาอิตาลี ที่มีความหมายถึงเครื่องยนต์วางตามยาว (ในตำแหน่งกลางลำของตัวรถ)
ส่วน 560 คือตัวเลขจำนวนแรงม้าที่รถรุ่นนั้นมี และ 4 คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งก็ไม่รู้จะใส่มาทำไม เพราะ Gallardo รุ่นปกติที่อยู่ในตลาด ก็ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เป็นแบบ Rear-biased all-wheel drive หรือกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้า โดยอยู่ในอัตราส่วนระหว่างด้านหน้าและหลังที่ 30:70%
งานนี้ไม่ใช่เป็นแค่การอัพเกรดสมรรถนะออกมาขาย เพราะว่าทีมงานที่รับผิดชอบโปรเจ็กต์ คือ Ufficio Tecnico Lamborghini ใน Sant’Agata เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี จัดการสร้างสรรค์และเพิ่มคีวามพิเศษของรูปลักษณ์รอบคันเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากรุ่นปกติอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชุดสปอยเลอร์รอบคัน กันชนด้านหน้าและหลังที่ได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นธรรมดา และเติมความสวยอย่างเร้าอารมณ์ ไฟท้ายแบบ LED แถมยังมีการลดน้ำหนักของตัวรถจากรุ่นปกติอีก 20 กิโลกรัมลงมาอยู่ที่ 1,550 กิโลกรัมอีกด้วย
ในส่วนของชุดหลังคาอ่อนสามารถพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า และมีระบบป้องกันความปลอดภัยให้กับศีรษะเวลาที่ตัวรถพลิกคว่ำ โดยด้านหลังของเบาะนั่งจะมีการดีดตัวคานรูปตัว U ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียง 0.25 วินาทีเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับว่ารถกำลังจะพลิกคว่ำ
เร้าใจกับการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์วี10 พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Iniezione Diretta Stratificata ที่ได้รับการอัพเกรดความจุจาก 5,000 ซีซีของรุ่นปกติรวมถึงเวอร์ชันพิเศษอย่าง Nera, SE และ Superleggera มาเป็น 5,200 ซีซี โดยที่ได้ม้ามาใช้งานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ประมาณ 30-60 ตัวขึ้นอยู่กับว่าเปรียบเทียบกับรุ่นย่อยไหน
กำลังสูงสุดอยู่ที่ 560 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 6,500 รอบต่อนาทีเมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะแล้วมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงไม่ธรรมดาด้วยตัวเลข 4.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 324 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเมื่อขับด้วยความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง สปอยเลอร์หลังจะยกตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างแรงกดบนตัวถังช่วยในเรื่องการทรงตัว
เปิดตัวออกมาแล้ว แต่จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในปีหน้า ส่วนราคายังไม่เปิดเผย แต่เชื่อว่าแพงขึ้นจากรุ่นคูเป้แบบพอประมาณอย่างแน่นอน นั่นเท่ากับว่า LP560-4 Spyder จะมีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 220,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 7 ล้านบาท แต่จะเกินไประดับไหนต้องรอดูในช่วงขายจริง