โหมโรงก่อนงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 งานแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำช่วงปลายปี โดยในปีนี้มีทีเด็ดอะไรมาโชว์บ้าง “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” สัมภาษณ์ “ขวัญชัย ประภัสร์พงษ์" ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน
- คอนเซปท์งานปีนี้
เราวางแนวคิดด้วยสโลแกน “พันธกิจมนุษย์ หยุดโลกร้อน” เนื่องจากขณะนี้ภาวะโลกร้อนกำลังกลายเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งเราควรจะต้องตะหนักถึงและช่วยกันดูแล เอาใจใส่ในการใช้พลังงานและปรับเปลี่ยนวิถีสู่ความพอเพียง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
- จุดเด่นของงานปีนี้
ในปีนี้เรามีรถต้นแบบเข้ามาโชว์ถึง 6 คันด้วยกัน และกิจกรรมชิงโชคต่างๆ มากมาย ทั้งการซื้อรถชิงรถ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์รุ่นใหม่” ส่วนซื้อ บัตรชิงรถปีนี้เป็นเชฟโรเลต อาวีโอ และเอสเอ็มเอส เป็นฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งจะกระตุ้นให้คนเข้ามาชมงานได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้เราได้รับความไว้วางใจจากค่ายรถ 41 ยี่ห้อเข้ามาร่วมแสดง โดยคาดว่าจะมีคนเข้าชมงานมากกว่า 1.5 ล้านคน และประเมินว่าจะมียอดจองรถประมาณ 1.5 หมื่นคัน เงินสะพัดประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นขายรถ 1.5 หมื่นล้านบาท และอุปกรณ์ตกแต่งราว 2 พันล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วมียอดสูงถึง 2 หมื่นล้าน
- มุมมองต่อตลาดรถยนต์
ปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์มองว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้น่าจะโตขึ้นอีก 8-9% ผ่านครึ่งปียอดขายโต 12.6% มากกว่าที่คาดไว้ แต่เมื่อเข้าไตรมาสที่ 3 วิกฤตราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทะลุไปถึง 40 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ผู้บริโภคช๊อคชะลอการซื้อรถยนต์ ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ยอดขายรถร่วงหนัก จนดึงยอดขายรถยนต์ 9 เดือนของปีนี้เติบโตแค่ 3% เท่านั้น
ประกอบกับปลายไตรมาสที่ 3 เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ขึ้น ส่งผลให้คนช็อกไปทั่วโลก แต่ในประเทศไทยเองสถาบันการเงินไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ขณะที่ภาคเอกชนก็ไม่ค่อยเกี่ยว จะมีก็แต่ตลาดหุ้นเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบและฉุดให้ดัชนีลดลง อย่างมาก
แต่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว เราไม่มีการส่งรถยนต์สำเร็จรูปไปสหรัฐ ส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์นั้น อาจจะมีส่งออกไปบ้าง แต่ถือว่าไม่มากนัก ถ้ามองไปถึงยุโรปก็ได้รับผลกระทบเป็นโดมิโนจากสหรัฐ แต่คงไม่กระทบมาก เพราะยุโรปมีความแข็งแรง รวมถึงมีเงินที่ใส่เข้าไปพยุงเศรษฐกิจในปริมาณมากพอที่จะไม่ทำให้ยุโรปได้รับความกระทบมากนัก
- มองตลาดเมืองไทยอย่างไร?
วิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากประเทศเราโดยตรง ผลกระทบจะเกิดน้อยหรือไม่เกิดเลย แต่อาจจะส่งผลด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค กลัวไม่กล้าจับจ่ายเงินซึ่งจะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจตกต่ำ ลง และคิดว่าผลกระทบนี้จะส่งผลต่อตลาดในปีหน้า โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์จะลดลง 10-12%
ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ มีงานมหกรรมยานยนต์ของเราอยู่ เป็นเป้าหมายที่ค่ายรถยนต์ทำโปรโมชั่นเพื่อสร้างยอดขาย เพราะทุกคนต้องการรักษาแชร์เอาไว้ และในงานนี้ยังเป็นงานที่คนซื้อรถรอดู น่าจะผลักดันให้ยอดขายรวมในประเทศปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ในจำนวน 6.3 แสนคัน หรือคาดว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะไม่ขยายตัว
- การแข่งขันของบริษัทรถยนต์ในงาน?
ต้องดุเดือดมาก เพราะตอนนี้แคมเปญต่างๆ ก็ออกมาแล้ว บางค่ายบอกว่าไม่ต้องรองานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซื้อรถได้เลย ได้แคมเปญเดียวกัน ฉะนั้นการต่อสู้เรื่องโปรโมชั่นต่างๆ น่าจะสุดยอด เป็นโอกาสที่ดีของคนต้องการซื้อรถ
- มีการยกเลิกจองพื้นที่ไหม?
เราไม่ได้รับผลกระทบเลย เพราะงานในปีนี้วางแผนมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมงานก็วางแผนมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วเช่นกัน เราเปิดขายพื้นที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในวันแรกมีบริษัทรถยนต์จองพื้นที่ถึง 95% อุปกรณ์ตกแต่งจองพื้นที่ 85-90% ซึ่งจนถึงวันนี้ทุกบริษัทยังดำเนินไปตามแผนงานที่วางไว้
พบกับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 ได้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2551
- คอนเซปท์งานปีนี้
เราวางแนวคิดด้วยสโลแกน “พันธกิจมนุษย์ หยุดโลกร้อน” เนื่องจากขณะนี้ภาวะโลกร้อนกำลังกลายเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งเราควรจะต้องตะหนักถึงและช่วยกันดูแล เอาใจใส่ในการใช้พลังงานและปรับเปลี่ยนวิถีสู่ความพอเพียง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
- จุดเด่นของงานปีนี้
ในปีนี้เรามีรถต้นแบบเข้ามาโชว์ถึง 6 คันด้วยกัน และกิจกรรมชิงโชคต่างๆ มากมาย ทั้งการซื้อรถชิงรถ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์รุ่นใหม่” ส่วนซื้อ บัตรชิงรถปีนี้เป็นเชฟโรเลต อาวีโอ และเอสเอ็มเอส เป็นฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งจะกระตุ้นให้คนเข้ามาชมงานได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้เราได้รับความไว้วางใจจากค่ายรถ 41 ยี่ห้อเข้ามาร่วมแสดง โดยคาดว่าจะมีคนเข้าชมงานมากกว่า 1.5 ล้านคน และประเมินว่าจะมียอดจองรถประมาณ 1.5 หมื่นคัน เงินสะพัดประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นขายรถ 1.5 หมื่นล้านบาท และอุปกรณ์ตกแต่งราว 2 พันล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วมียอดสูงถึง 2 หมื่นล้าน
- มุมมองต่อตลาดรถยนต์
ปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์มองว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้น่าจะโตขึ้นอีก 8-9% ผ่านครึ่งปียอดขายโต 12.6% มากกว่าที่คาดไว้ แต่เมื่อเข้าไตรมาสที่ 3 วิกฤตราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทะลุไปถึง 40 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ผู้บริโภคช๊อคชะลอการซื้อรถยนต์ ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ยอดขายรถร่วงหนัก จนดึงยอดขายรถยนต์ 9 เดือนของปีนี้เติบโตแค่ 3% เท่านั้น
ประกอบกับปลายไตรมาสที่ 3 เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ขึ้น ส่งผลให้คนช็อกไปทั่วโลก แต่ในประเทศไทยเองสถาบันการเงินไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ขณะที่ภาคเอกชนก็ไม่ค่อยเกี่ยว จะมีก็แต่ตลาดหุ้นเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบและฉุดให้ดัชนีลดลง อย่างมาก
แต่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว เราไม่มีการส่งรถยนต์สำเร็จรูปไปสหรัฐ ส่วนของชิ้นส่วนรถยนต์นั้น อาจจะมีส่งออกไปบ้าง แต่ถือว่าไม่มากนัก ถ้ามองไปถึงยุโรปก็ได้รับผลกระทบเป็นโดมิโนจากสหรัฐ แต่คงไม่กระทบมาก เพราะยุโรปมีความแข็งแรง รวมถึงมีเงินที่ใส่เข้าไปพยุงเศรษฐกิจในปริมาณมากพอที่จะไม่ทำให้ยุโรปได้รับความกระทบมากนัก
- มองตลาดเมืองไทยอย่างไร?
วิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากประเทศเราโดยตรง ผลกระทบจะเกิดน้อยหรือไม่เกิดเลย แต่อาจจะส่งผลด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค กลัวไม่กล้าจับจ่ายเงินซึ่งจะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจตกต่ำ ลง และคิดว่าผลกระทบนี้จะส่งผลต่อตลาดในปีหน้า โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์จะลดลง 10-12%
ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ มีงานมหกรรมยานยนต์ของเราอยู่ เป็นเป้าหมายที่ค่ายรถยนต์ทำโปรโมชั่นเพื่อสร้างยอดขาย เพราะทุกคนต้องการรักษาแชร์เอาไว้ และในงานนี้ยังเป็นงานที่คนซื้อรถรอดู น่าจะผลักดันให้ยอดขายรวมในประเทศปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ในจำนวน 6.3 แสนคัน หรือคาดว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะไม่ขยายตัว
- การแข่งขันของบริษัทรถยนต์ในงาน?
ต้องดุเดือดมาก เพราะตอนนี้แคมเปญต่างๆ ก็ออกมาแล้ว บางค่ายบอกว่าไม่ต้องรองานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซื้อรถได้เลย ได้แคมเปญเดียวกัน ฉะนั้นการต่อสู้เรื่องโปรโมชั่นต่างๆ น่าจะสุดยอด เป็นโอกาสที่ดีของคนต้องการซื้อรถ
- มีการยกเลิกจองพื้นที่ไหม?
เราไม่ได้รับผลกระทบเลย เพราะงานในปีนี้วางแผนมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมงานก็วางแผนมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วเช่นกัน เราเปิดขายพื้นที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในวันแรกมีบริษัทรถยนต์จองพื้นที่ถึง 95% อุปกรณ์ตกแต่งจองพื้นที่ 85-90% ซึ่งจนถึงวันนี้ทุกบริษัทยังดำเนินไปตามแผนงานที่วางไว้
พบกับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 ได้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2551