xs
xsm
sm
md
lg

"ทาคูมะ อาโอกิ" ซิ่งด้วยใจ...ไม่ใช้ขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากจะมีมนุษย์หน้าไหน กล้าลุกขึ้นมาฝืนมติฟ้า ท้าอาญาสวรรค์ ต่อสู้กับความโหดร้ายของโชคชะตา หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ “ทาคูมะ อาโอกิ” ยอดนักบิดฝีมือดีชาวญี่ปุ่น ที่โลดแล่นบนเส้นทางการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ทั้งในญี่ปุ่นบ้านเกิดรวมถึงรายการระดับโลกอย่าง“โมโต จีพี”

อดีตขุนพลทีม “เร็บซอล ฮอนด้า” รู้ว่าตนเองเกิดมาเพื่อยนตรกรรมสองล้อ ได้รับพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และมุ่งหมายว่าสักวันต้องขึ้นเป็นนักแข่งซุปเปอร์ไบค์ระดับโลก แต่กระนั้นเหมือนกับฟ้าเล่นตลก เมื่อวันหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจากการฝึกซ้อม จนกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว...จบเส้นทางฝันเร็วกว่าที่คาด

ทาคูมะ อาโอกิ เคยประสบความสำเร็จบนเส้นทางมอเตอร์ไซค์มากมาย อาทิ ชนะเลิศรายการ All-Japan Championship Road Race Super Bike class สองปีซ้อน (1995-1996) หรือสูงสุดในชีวิตนักแข่งสองล้อ ด้วยวัย 23 ปี กับการเป็นที่ 5 (หลังรวมคะแนนทั้ง 10 สนาม) การแข่ง World Moto GP ปี 1997 รุ่น 500 ซีซี (ไมเคิล ดูฮาน เป็นแชมป์โลก) ซึ่งหลังจากนี้เพียงปีเดียวเขาก็ประสบอุบัติเหตุ

อาโอกิ เล่าให้ฟังว่า มันเป็นวันธรรมดาที่นำรถวิ่งลงซ้อมในสนามปกติ ผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า ทำความเร็วอยู่ประมาณ 100 - 200 กม./ชม. แต่ช่วงสุดท้ายที่ใกล้จะเลิกแล้ว ก็เริ่มขับอย่างผ่อนคลาย วิ่งด้วยความเร็วแค่ 60 กม./ชม. แต่ทันใดนั้นเองรถเกิดเสียหลักขณะเข้าโค้ง ตัวเขาลอยขึ้นไปในอากาศ จับทิศทางไม่ได้ แล้วหลังก็ลงมากระแทกพื้นอย่างจัง!!! ผลคือเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังได้รับความกระทบกระเทือน และทำให้เขาเป็นอัมพาตครึ่งตัวจากเอวลงไป จบชีวิตการเป็นนักบิดระดับโลกด้วยวัยเพียง 24 ปี

“ถึงแม้ผมจะประสบอุบัติเหตุ แต่ผมยังได้กำลังใจจากคนรอบข้าง ที่สำคัญผมมีมือมีสมอง จึงตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างที่คนอื่นทำได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือความตั้งใจในการเป็นนักแข่ง และคิดว่าเมื่อไหร่ปรับตัวกับความพิการได้ จะกลับมาแข่งรถอีกครั้ง ”

“ตอนที่รู้ตัวว่าเป็นอัมพาตไม่สามารถขับมอเตอร์ไซค์ได้อีกแล้ว ผมเศร้าใจและผิดหวังมาก เพราะความฝันที่จะเป็นนักแข่งรถมาตลอดนั้นสูญสลาย ซึ่งถือเป็นสิ่งแย่และยากลำบากที่สุดในชีวิต”อาโอกิ กล่าวและว่า

ตั้งแต่ 8 ขวบผมรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และทำอะไรดีที่สุด เพราะทั้งกีฬาอย่าง เบสบอลหรือฟุตบอล ผมเล่นสู้ใครไม่ได้เลย ส่วนเรื่องเรียนก็ปานกลาง แต่ผมรู้ว่าถ้าอยู่บนหลังมอเตอร์ไซค์แล้ว ผมสามารถชนะใครก็ได้ จึงคิดมุ่งมั่นเอาดีทางนี้ให้ถึงที่สุด

ทั้งนี้อาโอกิ เริ่มการแข่งขันมอเตอร์ไซค์อย่างเป็นทางการตั้งแต่อายุ 16 คว้าแชมป์ระดับประเทศมากมาย จนสุดท้ายก็สามารถเข้าไปอยู่ในทีมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น “เร็บซอล ฮอนด้า” ซึ่งนอกจากเป้าหมายกับการเป็นแชมป์โลก Moto GP แล้ว เขายังอยากเข้าร่วมการแข่งขันในแรลลี่ดักการ์ ในประเภทมอเตอร์ไซค์อีกด้วย(ปีหน้าเตรียมย้ายไปแข่งอเมริกาใต้แล้ว หลังจากใช้ทวีปแอฟริกาแข่งขันมานาน 30 ปี)

...เมื่อความพิเศษที่ได้รับจากสวรรค์ กลับกลายเป็นตัวการที่ทำให้ตัวเขาต้องเป็นอัมพาต แน่นนอนว่าช่วงแรกอาจทำใจลำบาก แต่ด้วยกำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆทีมงาน รวมถึงแฟนๆผู้ติดตามผลงานมาตลอด ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ย่อท้อกับชีวิต
ชุดอุปกรณ์เสริมสำหรับอาโอกิ
หลังจากพักฟื้นหนึ่งเดือน อาโอกิก็ออกมาเผชิญโลกอีกครั้ง และเขาก็พร้อมขับรถทันที โดยซื้ออุปกรณ์เสริมสำหรับคนพิการที่ไม่สามารถใช้ขาได้ มาติดตั้งในรถยนต์ของเขา ซึ่งอาโอกิใช้เวลาเพียง 2 วัน ก็สามารถขับได้คล่องปรื้อ

โดยชุดติดตั้งดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งคันเร่งจะเป็นพวงมาลัยวงเล็ก อยู่ในพวงมาลัยเดิม สามารถกดลึก-ตื้นเพื่อสั่งงาน ขณะที่เบรกจะเป็นก้านอยู่ทางด้านขวาของพวงมาลัย ส่วนการเปลี่ยนเกียร์ใช้มือซ้ายปกติ แต่จะมีปุ่มกดอยู่บนหัวเกียร์ทดแทนการเหยียบคลัทซ์

จากนั้นชีวิตใหม่ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ขณะที่ทีมฮอนด้ายังรับเขาเข้าทำงาน ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการพัฒนาทีมแข่ง รวมถึงการทำงานช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้ง คนพิการ และเด็กๆ ขณะเดียวกันเลือดข้นนักซิ่งก็ไม่เคยจางหาย เพราะอาโอกิยังดูแลร่างกายเป็นอย่างดี และลงแข่งรถคาร์ทในญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรกอย่างสม่ำเสมอ
ควบ ดีแมคซ์ เบอร์5 ในเอเชียครอสคันทรี่
จนปีที่แล้ว มีโอกาสได้แข่งขันในรายการ “เอเชียครอสคันทรี” ที่ประเทศไทย แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และปีนี้ทาคูมะ อาโอกิ กลับมาใหม่พร้อม โค-ไดร์ฟเวอร์ คนไทย “อิทธิพล สิมารักษ์” ควบ อีซูซุ ดีแมคซ์ เข้าป้ายเป็นอันดับหนึ่งในรุ่น T2D (Production Car : Diesel) หรือรุ่นมาตรฐานจากโรงงานไปครอง(ในรุ่น T2D ยังติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานตามกฎ FIA และปรับกล่อง ECU ได้นิดหน่อย ส่วน ดีแมคซ์ ขับเคลื่อนสี่ล้อ หมายเลข 5 ของอาโอกิคันนี้ แว่วๆว่ารีดม้าออกมาได้กว่า 215 ตัว ความเร็วสูงสุดทะลุ 220 กม./ชม.)
อาโอกิซัง กับโค-ไดร์ฟเวอร์ คู่ใจ“อิทธิพล สิมารักษ์”
สำหรับการแข่งขัน เอเชียครอสคันทรีแรลลี่ 2008 จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นปีที่ 13 ระหว่างวันที่ 10 - 15 สิงหาคมที่ผ่านมา เริ่มเส้นทางจาก กรุงเทพฯ – กาญจนบุรี – หัวหิน – ชุมพร – สุราษฎร์ธานี – ตรัง - ภูเก็ต รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 2,400 กม. โดยในปีนี้มีรถเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 28 คัน จากไทย 19 คัน ญี่ปุ่น 6 คัน มาเลเซีย 2 คัน และสิงคโปร์ 1 คัน

อาโอกิ กล่าวว่า เอเชียครอสคันทรี เป็นการแข่งขันรายการใหญ่ เส้นทางโหดและไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่า ข้างหน้าจะเจออุปสรรคอะไร ไม่ว่าจะเป็น หิน โคลน ทราย แม่น้ำ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือสมาธิ พร้อมการตัดสินใจต้องแม่นยำ และการต้องอยู่ในรถวันละ 6-7 ชั่วโมง ร่างกายต้องพร้อม รถต้องพร้อม เรียกว่าคนกับรถต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย นอกจากนี้ยังต้องประคองรถให้มีปัญหาน้อยที่สุดเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ตัวเองนั้นไม่สามารถลงไปช่วย “โค-ไดร์ฟเวอร์”ได้

“ต้องยอมรับว่าผมมีทีมงานดี ส่วนรถอีซูซุก็สมรรถนะเยี่ยม ทรงตัวดี แข็งแกร่งบึกบึน พาให้ถึงจุดหมายได้ และปีหน้าก็จะใช้ ดีแมคซ์ ลงแข่งขันรายการนี้อีก พร้อมตั้งเป้าคว้าแชมป์ประเภทเวลารวมให้ได้”
อบอุ่นกับภรรยาและลูก
อาโอกิ เชื่อว่าสิ่งดีๆในชีวิตเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือปกติ และเมื่อพบอุปสรรคจงอย่าย่อท้อกับชีวิต อย่าหมดกำลังใจ จงหาทางเอาชนะมันให้ได้ด้วยสติและความอดทน ทั้งยังยึดคติสามัญประจำบ้านว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น”

ปัจจุบัน ทาคูมะ อาโอกิ อายุ 34 ปี มีภรรยาและลูกน่ารัก เป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่กระนั้นอาโอกิ ยังเล่าแบบขำว่า จริงๆภรรยาไม่อยากให้มาขับรถแข่งอีกแล้ว เพราะทั้งกลัวและเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถทัดทานตัวเขาได้ เพราะภรรยารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เขารักมากที่สุด

เรียกว่า 10 ปีแห่งความพยายามของ ทาคูมะ อาโอกิ ถูกชดเชยระดับหนึ่งด้วยความสำเร็จในปีนี้ และความสำเร็จดังกล่าว น่าจะเป็นเพียงเป็นบันไดก้าวแรก ในการเปิดโลกไปสู่ความฝันเดิมคือ เข้าแข่งขันในรายการแรลลี่ดักการ์ ที่แม้จะเปลี่ยนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ ก็ตาม

“เป้าหมายสูงสุดของผมคือการเข้าไปแข่งในแรลลี่ที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดของโลก ซึ่งระหว่างนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งร่างกาย และสั่งสมประสบการณ์ให้มากที่สุด คาดว่าต้องใช้เวลาสักระยะ ก่อนดูจังหวะเวลาที่แหมะสมว่าจะเริ่มลงแข่งปีใด”อาโอกิ กล่าวถึงเป้าหมายสุดท้าย

...คุณคิดว่าความพิการของมนุษย์คืออะไร ระหว่างร่างกายไม่ครบ 32 หรือจิตใจที่อ่อนแอ แต่สำหรับชายคนนี้ คุณจะเรียกเค้าว่าคนพิการเหรอ? แล้วคนร่างกายดีกับจิตใจไม่สมประกอบ ใครพิการกว่ากัน?....“ทาคูมะ อาโอกิ” น่าจะเป็นคำตอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น