ข่าวในประเทศ - ผู้ใช้รถอุ่นใจขึ้น กรมการขนส่งฯ ออกกฎ คุมเข้มอู่ติดแก๊ส ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกก่อนเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ติดตั้งอุปกรณ์แก๊สอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีผลบังคับตั้งแต่ 21 ต.ค.นี้
ชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ออกมาตรการเพิ่มความปลอดภัยสำหรับรถใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นเชื้อเพลิง โดยออกกฎกระทรวง กำหนดให้ผู้ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบสำหรับรถที่ใช้ก๊าซ LPG จะต้อง ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกก่อน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ในระหว่าง ที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบ ผู้ติดตั้งสามารถติดตั้งต่อไปได้จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2552 และตั้งแต่ วันที่ 19 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ผู้ที่จะติดตั้งก๊าซ LPG ในรถยนต์ได้ จะต้องเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจาก กรมการขนส่งทางบกแล้วเท่านั้น
จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2552 เจ้าของรถที่ประสงค์ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์สำหรับใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง จะต้องนำรถไปติดตั้งกับผู้ติดตั้ง ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
โดยจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบให้ถูกต้องครบถ้วน ได้แก่ ถังก๊าซ, ลิ้นบรรจุ, ลิ้นระบายความดัน, ลิ้นกันกลับ, ลิ้นเปิดปิด, อุปกรณ์วัดระดับก๊าซเหลว, อุปกรณ์ป้องกันการบรรจุเกิน, อุปกรณ์ระบายความดัน, อุปกรณ์ควบคุมการเปิดปิดลิ้นระยะไกลพร้อมด้วย ลิ้นป้องกันการไหลเกิน, อุปกรณ์ทำไอก๊าซและปรับความดันก๊าซ, อุปกรณ์ฉีดก๊าซ จ่ายก๊าซ หรือผสมก๊าซ, อุปกรณ์รับเติมก๊าซ, ตัวกรองก๊าซ, ท่อนำก๊าซ, เรือนกักก๊าซ, ท่อระบายก๊าซ และข้อต่อต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วย
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้ติดตั้งก๊าซ LPG ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถยื่นขอรับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกได้ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป และตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ผู้ติดตั้งที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก จะไม่สามารถติดตั้งก๊าซ LPG ในรถยนต์ได้ตามกฎหมาย
ส่วนเจ้าของรถที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ขอให้หมั่นตรวจสอบความปลอดภัยในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ และควรนำรถเข้ารับการตรวจสอบอุปกรณ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สนใจเป็นผู้ติดตั้ง หรือเป็นผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับอนุญาต สามารถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "ศูนย์ส่งเสริมสนับสนุนการใช้ NGV" หมายเลขโทรศัพท์ 0-2272 -5751-2 หรือ ทางเว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือรับฟังข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมงได้ทาง Call Center หมายเลข 1584
ชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ออกมาตรการเพิ่มความปลอดภัยสำหรับรถใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นเชื้อเพลิง โดยออกกฎกระทรวง กำหนดให้ผู้ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบสำหรับรถที่ใช้ก๊าซ LPG จะต้อง ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกก่อน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ในระหว่าง ที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบ ผู้ติดตั้งสามารถติดตั้งต่อไปได้จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2552 และตั้งแต่ วันที่ 19 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ผู้ที่จะติดตั้งก๊าซ LPG ในรถยนต์ได้ จะต้องเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจาก กรมการขนส่งทางบกแล้วเท่านั้น
จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2552 เจ้าของรถที่ประสงค์ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์สำหรับใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง จะต้องนำรถไปติดตั้งกับผู้ติดตั้ง ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
โดยจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบให้ถูกต้องครบถ้วน ได้แก่ ถังก๊าซ, ลิ้นบรรจุ, ลิ้นระบายความดัน, ลิ้นกันกลับ, ลิ้นเปิดปิด, อุปกรณ์วัดระดับก๊าซเหลว, อุปกรณ์ป้องกันการบรรจุเกิน, อุปกรณ์ระบายความดัน, อุปกรณ์ควบคุมการเปิดปิดลิ้นระยะไกลพร้อมด้วย ลิ้นป้องกันการไหลเกิน, อุปกรณ์ทำไอก๊าซและปรับความดันก๊าซ, อุปกรณ์ฉีดก๊าซ จ่ายก๊าซ หรือผสมก๊าซ, อุปกรณ์รับเติมก๊าซ, ตัวกรองก๊าซ, ท่อนำก๊าซ, เรือนกักก๊าซ, ท่อระบายก๊าซ และข้อต่อต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วย
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้ติดตั้งก๊าซ LPG ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถยื่นขอรับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกได้ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป และตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ผู้ติดตั้งที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก จะไม่สามารถติดตั้งก๊าซ LPG ในรถยนต์ได้ตามกฎหมาย
ส่วนเจ้าของรถที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ขอให้หมั่นตรวจสอบความปลอดภัยในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ และควรนำรถเข้ารับการตรวจสอบอุปกรณ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สนใจเป็นผู้ติดตั้ง หรือเป็นผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับอนุญาต สามารถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "ศูนย์ส่งเสริมสนับสนุนการใช้ NGV" หมายเลขโทรศัพท์ 0-2272 -5751-2 หรือ ทางเว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือรับฟังข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมงได้ทาง Call Center หมายเลข 1584