ข่าวในประเทศ – โตโยต้า เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยยังดี การเมืองไม่กระทบ ประกาศเดินหน้าขาย “อัลฟาร์ด” เดือนพฤศจิกายนนี้ รับผลJTEPAทำภาษีลด แบ่ง 2 รุ่นย่อยแต่เครื่องยนต์ 3.5 ลิตรขนาดเดียว พร้อมรับเซอร์วิสรถของเกรย์มาเก็ตแต่ลูกค้าต้องทำใจหากบริการต่าง ตั้งเป้าขาย 40-50 คันต่อเดือน ระบุชื่อ “อัลฟาร์ด”ถูกต้อง ราคารอลุ้นตอนเปิดตัว
มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ “โตโยต้า อัลฟาร์ด” มาจำหน่ายในประเทศไทยเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยวางแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับ อัลฟาร์ด จะทำตลาดด้วยรุ่นขนาดเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เพียงตัวเดียว เนื่องจากเป็นขนาดที่จะได้รับประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA) ในเรื่องการลดภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่ลดลงปีละ 5% ปัจจุบันอยู่ที่ 70% จากเดิม 80%
“เรื่องภาษีที่ลดลงในอนาคตไม่ต้องห่วงว่าผู้บริโภคจะเสียประโยชน์ บริษัทฯ จะชดเชยให้ในรูปแบบอื่นอาจจะเป็นส่วนลด หรือของแถมเพิ่มเติมขึ้นอยู่กันสถานการณ์ในขณะนั้น โดยเราตั้งเป้าจำหน่ายเดือนละ 40-50 คัน ลูกค้าสามารถสั่งจองได้จากโชว์รูมโตโยต้าทุกแห่งทั่วประเทศ”มิทซึฮิโระ กล่าว
ทั้งนี้ อัลฟาร์ด ได้รับการปรับแต่งให้มีความเหมาะสมกับประเทศไทย ทั้งด้านไอเสีย เครื่องยนต์ รวมถึงฟังก์ชั่นของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถจะเป็นภาษาไทยผสมกับภาษาอังกฤษ แตกต่างจากรุ่นขายในญี่ปุ่นที่เกรย์มาเก็ตนำเข้ามาจำหน่ายซึ่งจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ 3.5V และ 3.5Q ขณะที่ราคาจะเผยตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
มิทซึฮิโระกล่าวต่อว่า การบริการหลังการขาย บริษัทฯ รับประกันคุณภาพ 3 ปีหรือ 100,000 กม. รวมถึงการรับเซอร์วิสให้กับรถที่นำเข้าโดยเกรย์ มาเก็ตด้วย เนี่องจากเป็นนโยบายในฐานะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของโตโยต้าทั่วโลก แต่ลูกค้าของเกรย์มาเก็ตต้องทำใจในมาตรฐานที่ได้รับจะไม่เท่าเทียมกับลูกค้าที่ซื้อรถกับโตโยต้า
“ส่วนเรื่องของชื่อรุ่นที่ใช้ในการทำตลาดจะเป็น “อัลฟาร์ด” เนื่องจากเป็นคำที่ถูกต้องตามการออกเสียงซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษีกรีก ไม่ใช่ “อัลพาร์ด” ตามที่เคยรับทราบกันมา และห้ามเกรย์มาเก็ตใช้ชื่อหรือเครื่องหมายการค้า “โตโยต้า” ในการทำตลาดทุกกรณี แต่ยังใช้เฉพาะชื่อรุ่นได้”
ด้านสถานการณ์ทางการเมืองวุ่นวายที่ในขณะนี้ มั่นใจว่ารัฐบาลจะควบคุมได้ และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมถึงยอดจำหน่ายของตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน เชื่อว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งมั่นคงและสามารถเติบโตต่อไปได้ ซึ่งทางโตโยต้าที่ญี่ปุ่นก็คิดเช่นนั้น มิทซึฮิโระกล่าวตบท้าย
มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ “โตโยต้า อัลฟาร์ด” มาจำหน่ายในประเทศไทยเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยวางแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับ อัลฟาร์ด จะทำตลาดด้วยรุ่นขนาดเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เพียงตัวเดียว เนื่องจากเป็นขนาดที่จะได้รับประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA) ในเรื่องการลดภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่ลดลงปีละ 5% ปัจจุบันอยู่ที่ 70% จากเดิม 80%
“เรื่องภาษีที่ลดลงในอนาคตไม่ต้องห่วงว่าผู้บริโภคจะเสียประโยชน์ บริษัทฯ จะชดเชยให้ในรูปแบบอื่นอาจจะเป็นส่วนลด หรือของแถมเพิ่มเติมขึ้นอยู่กันสถานการณ์ในขณะนั้น โดยเราตั้งเป้าจำหน่ายเดือนละ 40-50 คัน ลูกค้าสามารถสั่งจองได้จากโชว์รูมโตโยต้าทุกแห่งทั่วประเทศ”มิทซึฮิโระ กล่าว
ทั้งนี้ อัลฟาร์ด ได้รับการปรับแต่งให้มีความเหมาะสมกับประเทศไทย ทั้งด้านไอเสีย เครื่องยนต์ รวมถึงฟังก์ชั่นของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถจะเป็นภาษาไทยผสมกับภาษาอังกฤษ แตกต่างจากรุ่นขายในญี่ปุ่นที่เกรย์มาเก็ตนำเข้ามาจำหน่ายซึ่งจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ 3.5V และ 3.5Q ขณะที่ราคาจะเผยตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
มิทซึฮิโระกล่าวต่อว่า การบริการหลังการขาย บริษัทฯ รับประกันคุณภาพ 3 ปีหรือ 100,000 กม. รวมถึงการรับเซอร์วิสให้กับรถที่นำเข้าโดยเกรย์ มาเก็ตด้วย เนี่องจากเป็นนโยบายในฐานะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของโตโยต้าทั่วโลก แต่ลูกค้าของเกรย์มาเก็ตต้องทำใจในมาตรฐานที่ได้รับจะไม่เท่าเทียมกับลูกค้าที่ซื้อรถกับโตโยต้า
“ส่วนเรื่องของชื่อรุ่นที่ใช้ในการทำตลาดจะเป็น “อัลฟาร์ด” เนื่องจากเป็นคำที่ถูกต้องตามการออกเสียงซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษีกรีก ไม่ใช่ “อัลพาร์ด” ตามที่เคยรับทราบกันมา และห้ามเกรย์มาเก็ตใช้ชื่อหรือเครื่องหมายการค้า “โตโยต้า” ในการทำตลาดทุกกรณี แต่ยังใช้เฉพาะชื่อรุ่นได้”
ด้านสถานการณ์ทางการเมืองวุ่นวายที่ในขณะนี้ มั่นใจว่ารัฐบาลจะควบคุมได้ และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมถึงยอดจำหน่ายของตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน เชื่อว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งมั่นคงและสามารถเติบโตต่อไปได้ ซึ่งทางโตโยต้าที่ญี่ปุ่นก็คิดเช่นนั้น มิทซึฮิโระกล่าวตบท้าย