ข่าวในประเทศ - ค่ายรถดัดแปลง “ไทยรุ่งยูเนียนคาร์” ดัน 3 โครงการ ทั้งผลิตรถยนต์กระบะพื้นเรียบ ลุยชุดแต่งพลาโต พร้อมเน้นตลาดโอเอ็มมากขึ้น หวังกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ปั้นรายได้ 5 พันล้านบาทต่อปี
สมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับแผนงานและโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัท เพื่อพยายามผลักดันให้รายได้ของบริษัทให้กลับมาอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยทำได้ประมาณปีละ 4-5 พันล้านบาท
“โดยแผนงานที่จะดำเนินการมี 3 โครงการ ได้แก่ ผลักดันให้ไทยรุ่งฯ เป็นผู้ผลิตรถยนต์กระบะพื้นเรียบ หรือแฟลตเด็กซ์ระดับโลก เพิ่มศักยภาพชุดแต่งพลาโตมากกว่าปัจจุบัน และขยายงานรองรับตลาดโออีเอ็มหรือชิ้นส่วนป้อนโรงงานผลิตรถยนต์”
ทั้งนี้โครงกากระบะพื้นเรียบ หรือแฟลต เด็กซ์ ปัจจุบันบริษัททำการผลิตเพื่อส่งออกให้อีซูซุและเชฟโรเลตอยู่ในปัจจุบัน และจะมีการเข้าไปเจรจากับผู้ผลิตปิกอัพทุกราย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการลงทุนในโครงการดังกล่าวมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และหากจะมีการขยายงานในอนาคตก็จะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่โครงกรเพิ่มศักยภาพของชุดแต่งพลาโต ในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดำเนินงานจริ งจังนัก แต่ปีนี้จะกลับมาเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของตลาดชุดแต่งเพิ่มเติม ส่วนโครงการขยายงานเพื่อรองรับตลาดโออีเอ็มในประเทศไทย เนื่องจากมีโครงการลงทุนรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เช่นอีโคคาร์ในประเทศไทย ซึ่งไทยรุ่งฯ ในฐานะบริษัทที่มีนวัตกรรมด้านการผลิตของตัวเอง จะสามารถรองรับโครงการเหล่านี้ได้
โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงทุนกับเดลต้า ในการลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตเบาะรถยนต์นั่ง เพื่อส่งให้กับโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กของโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ หรือเอเอทีของฟอร์ดกับมาสด้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ด้วยกำลังการผลิตกว่า 5 หมื่นคันต่อปี และนอกจากนี้ ก็ยังเดินหน้าโครงการรับจ้างผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษต่าง ๆ ให้กับบริษัทรถยนต์อีกหลายราย
นายสมพงษ์กล่าวว่า สำหรับรายได้ของกลุ่มไทยรุ่งฯ ในปี 2550 ที่ผ่านมา ทำได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการรับจ้างผลิตและชิ้นส่วนโออีเอ็ม รวมถึงกลุ่มแม่พิมพ์ 70% ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายรถ และคาดว่าปีนี้คาดว่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 15-20% แม้ว่าตลาดในประเทศไทยจะยังไม่สดใสจากปัจจัยลบด้านน้ำมัน ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจากการขายรถ ที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ทำการเปิดตัวทีอาร์ ออลล์โรดเดอร์ รุ่นใหม่ ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 9.59 แสนบาทถึง 1.199 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายโมเดลใหม่ ๆ ออกไปในอนาคต พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนการตลาดรูปแบบใหม่ด้วย
ปีนี้ไทยรุ่งฯ จะทุ่มงบประมาณ ในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์กว่า 30 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้แค่ 20 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่การจัดอีเวนต์ต่าง ๆ เข้าถึงลูกค้าโดยตรงมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าไม่ได้รับทราบรายละเอียดที่แท้จริงของรถยนต์ไทยรุ่งฯ ทำให้ต้องปรับแผนหันมาสื่อสารถึงลูกค้าโดยตรง ด้วยการเน้นที่มาตรฐานในการผลิตของไทยรุ่งฯ ที่ไม่แพ้ผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง
สมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับแผนงานและโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัท เพื่อพยายามผลักดันให้รายได้ของบริษัทให้กลับมาอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยทำได้ประมาณปีละ 4-5 พันล้านบาท
“โดยแผนงานที่จะดำเนินการมี 3 โครงการ ได้แก่ ผลักดันให้ไทยรุ่งฯ เป็นผู้ผลิตรถยนต์กระบะพื้นเรียบ หรือแฟลตเด็กซ์ระดับโลก เพิ่มศักยภาพชุดแต่งพลาโตมากกว่าปัจจุบัน และขยายงานรองรับตลาดโออีเอ็มหรือชิ้นส่วนป้อนโรงงานผลิตรถยนต์”
ทั้งนี้โครงกากระบะพื้นเรียบ หรือแฟลต เด็กซ์ ปัจจุบันบริษัททำการผลิตเพื่อส่งออกให้อีซูซุและเชฟโรเลตอยู่ในปัจจุบัน และจะมีการเข้าไปเจรจากับผู้ผลิตปิกอัพทุกราย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการลงทุนในโครงการดังกล่าวมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และหากจะมีการขยายงานในอนาคตก็จะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่โครงกรเพิ่มศักยภาพของชุดแต่งพลาโต ในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดำเนินงานจริ งจังนัก แต่ปีนี้จะกลับมาเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของตลาดชุดแต่งเพิ่มเติม ส่วนโครงการขยายงานเพื่อรองรับตลาดโออีเอ็มในประเทศไทย เนื่องจากมีโครงการลงทุนรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เช่นอีโคคาร์ในประเทศไทย ซึ่งไทยรุ่งฯ ในฐานะบริษัทที่มีนวัตกรรมด้านการผลิตของตัวเอง จะสามารถรองรับโครงการเหล่านี้ได้
โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงทุนกับเดลต้า ในการลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตเบาะรถยนต์นั่ง เพื่อส่งให้กับโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กของโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ หรือเอเอทีของฟอร์ดกับมาสด้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ด้วยกำลังการผลิตกว่า 5 หมื่นคันต่อปี และนอกจากนี้ ก็ยังเดินหน้าโครงการรับจ้างผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษต่าง ๆ ให้กับบริษัทรถยนต์อีกหลายราย
นายสมพงษ์กล่าวว่า สำหรับรายได้ของกลุ่มไทยรุ่งฯ ในปี 2550 ที่ผ่านมา ทำได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการรับจ้างผลิตและชิ้นส่วนโออีเอ็ม รวมถึงกลุ่มแม่พิมพ์ 70% ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายรถ และคาดว่าปีนี้คาดว่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 15-20% แม้ว่าตลาดในประเทศไทยจะยังไม่สดใสจากปัจจัยลบด้านน้ำมัน ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจากการขายรถ ที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ทำการเปิดตัวทีอาร์ ออลล์โรดเดอร์ รุ่นใหม่ ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 9.59 แสนบาทถึง 1.199 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายโมเดลใหม่ ๆ ออกไปในอนาคต พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนการตลาดรูปแบบใหม่ด้วย
ปีนี้ไทยรุ่งฯ จะทุ่มงบประมาณ ในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์กว่า 30 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้แค่ 20 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่การจัดอีเวนต์ต่าง ๆ เข้าถึงลูกค้าโดยตรงมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าไม่ได้รับทราบรายละเอียดที่แท้จริงของรถยนต์ไทยรุ่งฯ ทำให้ต้องปรับแผนหันมาสื่อสารถึงลูกค้าโดยตรง ด้วยการเน้นที่มาตรฐานในการผลิตของไทยรุ่งฯ ที่ไม่แพ้ผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง
