ข่าวในประเทศ – ยักษ์รถนำเข้า “เอส.อี.ซี.ฯ” แจงหุ้นพุ่ง 20% ไม่ได้มีความผิดปกติ เหตุปัจจัยบวกหนุนเพียบ โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาลใหม่ ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงตัวบริษัทที่จะรุกตลาดต่อเนื่อง เผยปีนี้เตรียมลงทุนเปิดโชว์รูมครบวงจรแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในไทย และประกาศพร้อมลุยเสนอจัดหารถโดยสารให้กับขสมก. ล่าสุดมี.ค.นี้จัดงานใหญ่แสดงรถหรูกว่า 50 รุ่น หวังดันยอดขายพุ่ง 350 ล้านบาท
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) (SECC) หรือ เอส.อี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า การที่หุ้นของเอส.อี.ซี.ฯปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ประมาณ 20% ไม่ได้มีอะไรพิเศษเป็นไปตามดีมานด์-ซัพพลาย ซึ่งในปีที่ผ่านมาหุ้นก็มีการปรับตัวลดลง แต่ปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจและความผันผวนทางการเมืองดีขึ้น การปรับขึ้นของหุ้นเอส.อี.ซี.ฯ จึงไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด
“ปีนี้เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และรัฐบาลใหม่ก็มีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต โดยออกมาตรการต่างๆ ที่สนับสนุนธุรกิจ และมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ กระจายรายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งล้วนส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เอส.อี.ซี.ฯก็เป็นบริษัทที่มั่นคง และธุรกิจก็มีแนวโน้มที่จะไปได้ด้วยดี ทำให้ประชาชนกลับมาซื้อหุ้นของเอส.อี.ซี.ฯ”
จากแนวโน้มที่ดีของภาพรวมเศรษฐกิจไทย ทำให้ประชาชนย่อมรู้ว่าธุรกิจจะต้องมีการขยายตัว ซึ่งเอส.อี.ซี.ฯ ก็มีแผนที่จะจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่อง นำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น และภายในปีนี้จะมีการย้ายสำนักงานใหญ่และเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นโชว์รูมครบวงจรบนพื้นที่ 15 ไร่ เฉพาะตัวโชว์รูมมีพื้นที่มากถึง 6,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถได้มากกว่า 200 คัน นับเป็นโชว์รูมรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยขณะนี้
“อย่างไรก็ตาม คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเงินลงทุน หรือสถานที่ตั้งโชว์รูมแห่งใหม่ เพราะอยู่ในระหว่างเจรจาเช่าที่ระยะยาวอยู่ บอกได้เพียงค่าก่อสร้างโชว์รูมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนคาดว่า ประมาณช่วงไตรมาสสามหรือสี่ของปีนี้น่าจะเปิดได้ และจะส่งผลให้รายได้ของเอส.อี.ซี.ฯเติบโตตามไปด้วยในอนาคต” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายจะผลักดันระบบขนส่งมวลชน โดยเพิ่มรถโดยสารของขสมก. ทราบมาว่าอยู่ระหว่างการทำทีโออาร์อยู่ ซึ่งในเรื่องนี้เอส.อี.ซี.ฯ มีความสนใจ และพร้อมที่จะเสนอเข้าไปเป็นผู้จัดหารถยนต์โดยสารให้กับขสมก. เพียงแต่ขณะนี้ทีโออาร์ยังไม่ออก จึงไมสามารถบอกอะไรได้
นายไพบูลย์ สุขธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการเอส.อี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า ล่าสุดกลุ่มเอส.อี.ซี.ได้เตรียมจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ที่สุด ภายใต้แคมเปญ “The Glite : The Luxury Lifestyle Week 2008 ระหว่างวันที่ 19-24 มีนาคม 2551 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เพื่อจัดแสดงรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมมากเกือบ 50 รุ่นภายในงาน
โดยรถยนต์ที่นำเข้ามาแสดงแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ รถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวี รถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี ซูเปอร์ทอยคาร์ ซูเปอร์คาร์ และลักชัวรี่คาร์ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยรถเด่นๆ อาทิ สปาดา, จีที-อาร์, เฟอร์รารี่ 430 สคูเดอเรีย, เฟอร์รารี่ ชาลเลนจ์, มาเซราติ แกรน ทัวริสโม และโดยเฉพาะเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลอาร์ ที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
“คาดว่าจะส่งผลให้มียอดการจำหน่ายรถยนต์ภายในงานไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท และจากการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายของเอส.อี.ซี.กรุ๊ป ในปี 2008 ขยายตัวขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10% ส่วนผลประกอบการยังในปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะต้องแจ้งตลาดหลักก่อนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ขาดทุนแน่นอน โดยในปี 2006 เอส.อี.ซี.ฯ มีรายได้รวมประมาณ 2,800 ล้านบาท” นายไพบูลย์กล่าว
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) (SECC) หรือ เอส.อี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า การที่หุ้นของเอส.อี.ซี.ฯปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ประมาณ 20% ไม่ได้มีอะไรพิเศษเป็นไปตามดีมานด์-ซัพพลาย ซึ่งในปีที่ผ่านมาหุ้นก็มีการปรับตัวลดลง แต่ปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจและความผันผวนทางการเมืองดีขึ้น การปรับขึ้นของหุ้นเอส.อี.ซี.ฯ จึงไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด
“ปีนี้เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และรัฐบาลใหม่ก็มีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต โดยออกมาตรการต่างๆ ที่สนับสนุนธุรกิจ และมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ กระจายรายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งล้วนส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เอส.อี.ซี.ฯก็เป็นบริษัทที่มั่นคง และธุรกิจก็มีแนวโน้มที่จะไปได้ด้วยดี ทำให้ประชาชนกลับมาซื้อหุ้นของเอส.อี.ซี.ฯ”
จากแนวโน้มที่ดีของภาพรวมเศรษฐกิจไทย ทำให้ประชาชนย่อมรู้ว่าธุรกิจจะต้องมีการขยายตัว ซึ่งเอส.อี.ซี.ฯ ก็มีแผนที่จะจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่อง นำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น และภายในปีนี้จะมีการย้ายสำนักงานใหญ่และเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นโชว์รูมครบวงจรบนพื้นที่ 15 ไร่ เฉพาะตัวโชว์รูมมีพื้นที่มากถึง 6,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถได้มากกว่า 200 คัน นับเป็นโชว์รูมรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยขณะนี้
“อย่างไรก็ตาม คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเงินลงทุน หรือสถานที่ตั้งโชว์รูมแห่งใหม่ เพราะอยู่ในระหว่างเจรจาเช่าที่ระยะยาวอยู่ บอกได้เพียงค่าก่อสร้างโชว์รูมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนคาดว่า ประมาณช่วงไตรมาสสามหรือสี่ของปีนี้น่าจะเปิดได้ และจะส่งผลให้รายได้ของเอส.อี.ซี.ฯเติบโตตามไปด้วยในอนาคต” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายจะผลักดันระบบขนส่งมวลชน โดยเพิ่มรถโดยสารของขสมก. ทราบมาว่าอยู่ระหว่างการทำทีโออาร์อยู่ ซึ่งในเรื่องนี้เอส.อี.ซี.ฯ มีความสนใจ และพร้อมที่จะเสนอเข้าไปเป็นผู้จัดหารถยนต์โดยสารให้กับขสมก. เพียงแต่ขณะนี้ทีโออาร์ยังไม่ออก จึงไมสามารถบอกอะไรได้
นายไพบูลย์ สุขธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการเอส.อี.ซี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า ล่าสุดกลุ่มเอส.อี.ซี.ได้เตรียมจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ที่สุด ภายใต้แคมเปญ “The Glite : The Luxury Lifestyle Week 2008 ระหว่างวันที่ 19-24 มีนาคม 2551 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เพื่อจัดแสดงรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมมากเกือบ 50 รุ่นภายในงาน
โดยรถยนต์ที่นำเข้ามาแสดงแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ รถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวี รถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี ซูเปอร์ทอยคาร์ ซูเปอร์คาร์ และลักชัวรี่คาร์ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยรถเด่นๆ อาทิ สปาดา, จีที-อาร์, เฟอร์รารี่ 430 สคูเดอเรีย, เฟอร์รารี่ ชาลเลนจ์, มาเซราติ แกรน ทัวริสโม และโดยเฉพาะเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลอาร์ ที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
“คาดว่าจะส่งผลให้มียอดการจำหน่ายรถยนต์ภายในงานไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท และจากการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายของเอส.อี.ซี.กรุ๊ป ในปี 2008 ขยายตัวขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10% ส่วนผลประกอบการยังในปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะต้องแจ้งตลาดหลักก่อนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ขาดทุนแน่นอน โดยในปี 2006 เอส.อี.ซี.ฯ มีรายได้รวมประมาณ 2,800 ล้านบาท” นายไพบูลย์กล่าว