ในงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2005 สำหรับค่ายเล็กๆ อย่างซีตรอง ซึ่งอยู่ในการดูแลของยนตรกิจกรุ๊ป ก็นำรถเข้ามาโชว์ตัว (พร้อมขาย)ในงานนี้ด้วย ดาวเด่นของซีตรองในปีนี้คงจะหนีไม่พ้น ซีตรอง ซี 4 ที่เพิ่งเปิดตลาดในเมืองไทยไปได้ไม่นานมานี้ อีกรุ่นหนึ่งที่ซีตรองหวังว่าจะสร้างยอดขายในงานได้ก็คือ ซีตรอง ซี 5 แม้ว่าคู่แข่งภายในงานจะมีรถรุ่นอื่นๆที่เป็นคู่แข่งโดยตรงเข้ามาโชว์มากหน้าหลายตา แต่ทางยนตรกิจ กรุ๊ปก็ยังเชื่อว่าจะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนตัวจริงของซีตรองจะให้ความสนใจ
ซีตรอง ซี4 ถูกออกแบบให้เป็นรถคอมแพ็กต์สไตล์สปอร์ตหรู โครงสร้างตัวถังลู่ลมตามหลักผลศาสตร์ (Aerodynamic) ที่ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน(Cd) เพียง 0.29 เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ซีตรองพยายามชูมาโดยตลอด
แม้ว่าทั้งรุ่นคูเป้ และแฮทช์แบ็ก จะมีรูปแบบภายนอกที่แตกต่างกัน แต่เนื้อที่ภายในห้องโดยสารมีมิติเท่ากัน โดยมีความสูง 1.46 ม.กว้าง1.44 ม. ความยาวฐานล้อ 1.46 ม. ความยาวตัวรถต่างกันเพียง 1.3 ซม. อันเนื่องมาจากรูปแบบของกันชนหลังที่แตกต่างกัน
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยการยกปุ่มควบคุมต่างๆมาไว้ที่พวงมาลัยแบบ Multifunctional Fixed-Centred Control ซึ่งระบบวิทยุ ระบบแสดงข้อมูลต่างๆ จะอยู่ในตำแหน่งคงที่ไม่หมุนตามพวงมาลัย รวมถึงจอแสดงผลการขับขี่แบบ Translucent Instrument Cluster ติดตั้งอยู่กลางคอนโซลรถ สะดวกในการมองเห็น
สำหรับรุ่นคูเป้จะใส่ออปชั่นมามากกว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก พอสมควร(แน่นอนว่าราคาก็ต้องแพงกว่าด้วย) ไม่ว่าจะเป็นหลังคากระจกแบบ Panoramic Glass Roof พร้อมม่านปรับปริมาณแสงแดด ไฟหน้าระบบไบซีนอนคู่ (Bi-Xenon Directional Headlamp) เมื่อเข้าโค้งไฟหน้าด้านนอกจะสว่างขึ้นอัตโนมัติ รวมถึงระบบช่วยจอดด้านหน้าและหลัง(Front and rear Parking Assistance) โดยจะมีเซ็นเซอร์ทั้ง 8 ตัว ตรวจจับหาสิ่งกีดขวาง พร้อมส่งภาพปรากฏบนจอแสดงผล ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีแต่ในรุ่น คูเป้ เท่านั้น
ในส่วนของระบบความปลอดภัย ซีตรอง ซี4 ก็ขนมาให้อย่างครบครัน ทั้งโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่ง ถุงลมนิรภัยที่ใส่มาให้ถึง6ลูก ทั้งฝั่งคนขับ และผู้โดยสารหน้าหลัง โดยจะวางไว้ด้านหน้า 2 จุด ด้านข้าง 2 จุด ม่านระดับศีรษะ 2 จุด ป้องกันการกระแทกด้านข้าง พร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA และระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESP (เฉพาะรุ่น แฮ็ทซ์แบก)
ซีตรอง ซี4 คูเป้ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เคาะราคา 1,820,000 บาท
ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็กจะวางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่4,000 รอบต่อนาที กระชากใจด้วยราคา 1,496,000 บาท
อีกรุ่นหนึ่งคือ ซีตรอง ซี 5 โฉมใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2,000 ซี.ซี. 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 208 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ ซีเควนเชียล ออโต แอกทีฟคอนโทรล Sequentail Auto-active Control ผ่านมาตรฐานควบคุมมลพิษระดับ 4 (Euro 4 Standard)
รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ โคมไฟส่องสว่างหน้ารูป “บูมเมอแรง” (Boomerang-shaped) พร้อมไฟหน้าแบบ Bi-Xenon Direction Headlight ซีนอนคู่ ปรับเอียงตามการเลี้ยวของพวงมาลัย เพื่อการส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แม้ขณะเข้าโค้ง
ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้สะดุดตาด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าที่เป็นโลโกซีตรอง ออกแบบต่อเชื่อมกันเป็นชิ้นเดียวกับฝากระโปรงหน้าของตัวรถ
ท้ายรถออกแบบใหม่ มีไฟท้ายรูปบูมเมอแรงเช่นกัน ทำให้ดูกลมกลืนสอดรับกับด้านหน้า และยังคงความนุ่มนวล ด้วยระบบอัจฉริยะรองรับแรงสั่นสะเทือนแบบ Hydractive 3 เช่นเดิม ราคาจำหน่าย 2,594,000 บาท
ซีตรอง ซี4 ถูกออกแบบให้เป็นรถคอมแพ็กต์สไตล์สปอร์ตหรู โครงสร้างตัวถังลู่ลมตามหลักผลศาสตร์ (Aerodynamic) ที่ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน(Cd) เพียง 0.29 เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ซีตรองพยายามชูมาโดยตลอด
แม้ว่าทั้งรุ่นคูเป้ และแฮทช์แบ็ก จะมีรูปแบบภายนอกที่แตกต่างกัน แต่เนื้อที่ภายในห้องโดยสารมีมิติเท่ากัน โดยมีความสูง 1.46 ม.กว้าง1.44 ม. ความยาวฐานล้อ 1.46 ม. ความยาวตัวรถต่างกันเพียง 1.3 ซม. อันเนื่องมาจากรูปแบบของกันชนหลังที่แตกต่างกัน
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยการยกปุ่มควบคุมต่างๆมาไว้ที่พวงมาลัยแบบ Multifunctional Fixed-Centred Control ซึ่งระบบวิทยุ ระบบแสดงข้อมูลต่างๆ จะอยู่ในตำแหน่งคงที่ไม่หมุนตามพวงมาลัย รวมถึงจอแสดงผลการขับขี่แบบ Translucent Instrument Cluster ติดตั้งอยู่กลางคอนโซลรถ สะดวกในการมองเห็น
สำหรับรุ่นคูเป้จะใส่ออปชั่นมามากกว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก พอสมควร(แน่นอนว่าราคาก็ต้องแพงกว่าด้วย) ไม่ว่าจะเป็นหลังคากระจกแบบ Panoramic Glass Roof พร้อมม่านปรับปริมาณแสงแดด ไฟหน้าระบบไบซีนอนคู่ (Bi-Xenon Directional Headlamp) เมื่อเข้าโค้งไฟหน้าด้านนอกจะสว่างขึ้นอัตโนมัติ รวมถึงระบบช่วยจอดด้านหน้าและหลัง(Front and rear Parking Assistance) โดยจะมีเซ็นเซอร์ทั้ง 8 ตัว ตรวจจับหาสิ่งกีดขวาง พร้อมส่งภาพปรากฏบนจอแสดงผล ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีแต่ในรุ่น คูเป้ เท่านั้น
ในส่วนของระบบความปลอดภัย ซีตรอง ซี4 ก็ขนมาให้อย่างครบครัน ทั้งโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่ง ถุงลมนิรภัยที่ใส่มาให้ถึง6ลูก ทั้งฝั่งคนขับ และผู้โดยสารหน้าหลัง โดยจะวางไว้ด้านหน้า 2 จุด ด้านข้าง 2 จุด ม่านระดับศีรษะ 2 จุด ป้องกันการกระแทกด้านข้าง พร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA และระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESP (เฉพาะรุ่น แฮ็ทซ์แบก)
ซีตรอง ซี4 คูเป้ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เคาะราคา 1,820,000 บาท
ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็กจะวางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่4,000 รอบต่อนาที กระชากใจด้วยราคา 1,496,000 บาท
อีกรุ่นหนึ่งคือ ซีตรอง ซี 5 โฉมใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2,000 ซี.ซี. 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 208 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ ซีเควนเชียล ออโต แอกทีฟคอนโทรล Sequentail Auto-active Control ผ่านมาตรฐานควบคุมมลพิษระดับ 4 (Euro 4 Standard)
รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ โคมไฟส่องสว่างหน้ารูป “บูมเมอแรง” (Boomerang-shaped) พร้อมไฟหน้าแบบ Bi-Xenon Direction Headlight ซีนอนคู่ ปรับเอียงตามการเลี้ยวของพวงมาลัย เพื่อการส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แม้ขณะเข้าโค้ง
ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้สะดุดตาด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าที่เป็นโลโกซีตรอง ออกแบบต่อเชื่อมกันเป็นชิ้นเดียวกับฝากระโปรงหน้าของตัวรถ
ท้ายรถออกแบบใหม่ มีไฟท้ายรูปบูมเมอแรงเช่นกัน ทำให้ดูกลมกลืนสอดรับกับด้านหน้า และยังคงความนุ่มนวล ด้วยระบบอัจฉริยะรองรับแรงสั่นสะเทือนแบบ Hydractive 3 เช่นเดิม ราคาจำหน่าย 2,594,000 บาท
