SEAC เร่งพัฒนาผู้นำไทย อาเซียน ก้าวทันแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจระดับโลก ชูโมเดลการเปลี่ยนผ่านเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ผลักดันองค์กรเดินหน้าต่อไป
นายพอล มาร์คา Associate Vice Provost แผนก Office of the Vice Provost for Teaching and Learning ,Stanford University เปิดเผยว่า ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง “SEAC” (South East Asia Center) ร่วมมือกับ “Stanford Center for Professional Development”มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก ในมลรัฐแคลิฟิร์เนีย ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี พัฒนาหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้นำชาวไทย และภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ชื่อ “Leading in a Disruptive World” (LDW) โดยเปิดหลักสูตรรุ่นแรก เมื่อเดือนมี.ค. 2560 ที่ผ่านมา
หลักสูตรดังกล่าว เป็นการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ และไปศึกษาต่อพร้อมดูงานที่ ซิลิคอน วัลเลย์ สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้การเรียนรู้ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งทฤษฎี และดูงานจริง ซึ่งหัวใจสำคัญของหลักสูตรนี้ คือ มีความทันสมัย และเติมเต็มวิธีคิดบางอย่างให้กับบรรดาผู้นำได้เล็งเห็นหนทางที่จะต่อสู้ และเดินหน้าต่อ โดยสามารถมองปัญหา และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามออกไป
หลักสูตร LDW เป็นหลักสูตรที่เน้นวิธีการแก้ปัญหา มากกว่าการเรียนรู้แล้วได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังอย่างสแตนฟอร์ด ซึ่งการเรียนรู้ในยุคนี้ ไม่ใช่แค่ “ให้รู้” แต่ต้องสามารถ “เอาไปใช้”ได้จริง
"ถ้าเป็นผู้บริหารระดับกลาง มีไม่น้อยที่อยากมาเรียนสแตนฟอร์ด เพราะอยากได้ปริญญา แต่ถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่สนใจใบปริญญา เท่ากับการได้วิธีคิด เพื่อเอาไปปรับใช้ให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไปได้ เรียกว่าเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาไปตอบโจทย์เฉพาะจุด เอาไปแก้ปัญหาได้ทันทีเลย ไม่ต้องรอให้เรียนจบ แล้วค่อยกลับมาแก้ปัญหา"
นายพอล คาดหวังว่า จะให้ผู้บริหารไทย รวมถึงเอเชียพลิกมุมมองใหม่ ไม่ต้องกลัวว่า "ล้มแล้วผิดพลาด" แต่ให้มองว่าเป็นการทดลอง คอยดูว่าระหว่างทางเจอปัญหาอะไร แล้วหาทางแก้ปัญหาให้ทันท่วงที
ทั้งนี้ บุคลิกของผู้นำในยุคที่ต้องเปลี่ยนผ่านตัวเอง จากโลกเก่าสู่โลกใหม่ สิ่งที่ต้องทำคือ อะไรที่ทำอยู่ในปัจจุบันให้ทำต่อไป แต่อย่าย่ำอยู่กับที่ เพราะการยึดมั่นถือมั่นกับการบริหารแบบเดิมๆ นับวันมีแต่จะทำให้ย่ำอยู่กับที่ เราจึงต้องหัดเรียนรู้และมองรอบด้าน ศึกษาของใหม่ แล้วลองหัดทำ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ แต่ควรให้ความสำคัญทั้งของเก่าและของใหม่ ควบคู่กันไป อะไรดีอยู่แล้ว ควรทำต่อไป
ด้านนางสาวอริญญา เถลิงศรี ผู้บริหารระดับสูง SEAC กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานของ SEAC คือ การพัฒนาองค์กรธุรกิจในอาเซียน ให้สามารถก้าวทันกับแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจระดับโลก เพื่อให้มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และนำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ
ทุกวันนี้ผู้บริหารไม่ได้อยู่ในภาพเดิมของการทำธุรกิจ ในโลกของ disruptive world หรือความโกลาหลที่ทับซ้อนกันไปมาบนโลกทุกวันนี้ ทำให้ไม่สามารถนำแบบเดิมได้ การที่จะเป็นผู้นำที่ leading a disruptive world จึงต้องมีวิธีคิดแบบใหม่ เปลี่ยนเลนส์ใหม่ เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจอะไร ก็แทบจะไม่หลงเหลือความแน่นอนในธุรกิจที่เราอยู่เลย
ดังนั้น การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก กับศูนย์พัฒนาผู้นำฯ ในท้องถิ่น จึงถือเป็นอีกโมเดลของการเปลี่ยนผ่านเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน และทำให้องค์กรยังคงเดินหน้าต่อไปได้
