เฟซบุ๊กลงทุนสร้าง “หมู่บ้าน” แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในซิลิคอนวัลเลย์

กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอน วัลเลย์ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ถูกกล่าวหาว่า สร้างความแตกต่างระหว่างฐานะให้เกิดขึ้นในย่านซิลิคอน วัลเลย์ มาตลอดหลายสิบปี โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล (Google) และเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่มีผู้คนจำนวนมากต้องการสมัครเข้าทำงานในบริษัททั้งสองแห่ง

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ที่พักในย่านใกล้เคียงกับสำนักงานได้ปรับขึ้นค่าเช่าไปอยู่ในระดับที่สูงมาก เพราะผู้ให้เช่าทราบดีว่า รายได้ของการเป็นพนักงานกูเกิล และเฟซบุ๊กนั้น สามารถจ่ายค่าเช่าระดับนี้ได้นั่นเอง

แต่การปรับขึ้นค่าเช่าก็ทำให้คนท้องถิ่นที่เคยอาศัยอยู่เดิมต้องย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ในเขตที่ห่างไกลมากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะเดินทางเข้ามาทำงานในซิลิคอน วัลเลย์

เช่นเดียวกับพนักงานของเฟซบุ๊กและกูเกิลบางส่วนที่ไม่ต้องการจ่ายค่าเช่าแพง ๆ ก็เลือกที่จะย้ายออกไปอยู่ไกล ๆ เช่นกัน จนทำให้เฟซบุ๊กต้องเสนอเงินเพิ่มให้อีก 10,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับจูงใจให้พนักงานย้ายเข้ามาอยู่ใกล้กับออฟฟิศ ร่วมกับการจัดรถรับส่งพนักงานที่อยู่ไกลให้เดินทางได้สะดวกขึ้น

สำหรับบางประเทศนั้นอาจเป็นการแก้ปัญหาที่เพียงพอ แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา เสียงตำหนิบริษัทเทคโนโลยียังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการต่อว่านั้น ได้นำไปสู่ข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทเทคโนโลยีกำลังสร้างชุมชนที่คนจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ขึ้นมา

ผลก็คือ มีแผนการก่อสร้างจากเฟซบุ๊ก เผยออกมาว่า ทางบริษัทต้องการลงทุนสร้าง “หมู่บ้าน” ชื่อ “Willow Village” ขึ้น โดยหมู่บ้านนี้จะมีพื้นที่ 1.75 ล้านตารางฟุตเป็นอาคารสำนักงาน และอีก 125,000 ตารางฟุตเป็นพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีก

John Tenanes รองประธานของเฟซบุ๊ก ฝ่าย Global Facilities กล่าวว่า การสร้างพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่เฟซบุ๊กมีในการสร้างบริการสำหรับชุมชนในระยะยาว

โดยจะมีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยขนาด 1,500 ยูนิตที่เปิดให้กับทุกคน ไม่เฉพาะพนักงานเฟซบุ๊ก และ 15 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่นี้จะกันไว้ให้สำหรับคนที่มีรายได้ต่ำกว่ารายได้มาตรฐานด้วย ซึ่งเฟซบุ๊ก คาดว่า กระบวนการเหล่านี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะแล้วเสร็จ

ส่วนบริษัทอัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิลนั้น อาจไม่ได้ลงทุนมากเท่า แต่ก็ถือว่าได้ช่วยเหลือพนักงานบางส่วนด้วยการซื้ออพาร์ตเมนต์ขนาด 300 ห้อง สำหรับเป็นที่พักพนักงานในระยะสั้น

ด้านผู้ว่าการเมือง Kirsten Keith กล่าวว่า มีความกังวลเช่นกันว่า แผนของเฟซบุ๊กจะทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดในเมืองหรือไม่ ซึ่งทางฝ่ายวางแผนของเมืองจะทำการศึกษาต่อไป แต่ทั้งนี้ แผนดังกล่าวก็ตอบโจทย์การพัฒนาเมืองในระยะยาว และทางเมืองก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะมีบ้านพักอาศัยเพิ่มขึ้นจากแผนการลงทุนของเฟซบุ๊กด้วย