ศูนย์ข้อมูลฯเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Q2/60 วูบ ลุ้นช่วงครึ่งปีหลังยอดขายดีดกลับ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) รายไตรมาส โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2560 มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) เท่ากับ 53.1 จุด ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ที่มีค่าดัชนีระดับ 54.2 จุด แต่ยังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด ดัชนีที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
หากพิจารณาแยกตามกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Companies ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 59.9 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อน ซึ่งมีค่าดัชนีที่ 61.2 จุด แต่ยังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวยังมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ลดลง เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
ส่วนผู้ประกอบการกลุ่มที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Non-listed Companies) มีค่าดัชนีเท่ากับ 42.8 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 43.8 จุด และต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด แสดงว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ไม่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน และลดลงด้วย เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันที่เสียเปรียบผู้ประกอบการกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีที่ลดลง เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การจ้างงาน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ในไตรมาส 2 ปี 2560 มีค่าเท่ากับ 67.0 จุด เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 65.1 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล มีทิศทางความเชื่อมั่นในเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยมีค่าเพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้านจากไตรมาส 1 ปี 2560 โดยเฉพาะจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และแผนที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคตอีก 6 เดือน ยกเว้นด้านการจ้างงาน ซึ่งผู้ประกอบการไม่มีความเชื่อมั่น
หากพิจารณาแยกตามกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 73.1 จุด เพิ่มขึ้นจาก 71.9 จุดในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีผลจากปัจจัยความเชื่อมั่นในด้านผลประกอบการ การลงทุน และแผนที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคต ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 57.9 จุด เพิ่มขึ้นจาก 54.9 จุด ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีปัจจัยความเชื่อมั่นที่สำคัญในด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน ต้นทุนประกอบการ และการเปิดโครงการใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies และกลุ่ม Non-listed Companies มีความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สรุปโดยรวม คือ แม้ว่าผู้ประกอบการทุกกลุ่มในเขตกรุงเทพฯ – ปริมณฑลมีความเชื่อมั่นในปัจจุบันที่ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่พบว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้าสถานการณ์ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของยอดขาย การเปิดตัวโครงการใหม่ การลงทุน และผลประกอบการจะดีขึ้น
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) รายไตรมาส โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2560 มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) เท่ากับ 53.1 จุด ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ที่มีค่าดัชนีระดับ 54.2 จุด แต่ยังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด ดัชนีที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
หากพิจารณาแยกตามกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Companies ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 59.9 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อน ซึ่งมีค่าดัชนีที่ 61.2 จุด แต่ยังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวยังมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ลดลง เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
ส่วนผู้ประกอบการกลุ่มที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Non-listed Companies) มีค่าดัชนีเท่ากับ 42.8 จุด ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 43.8 จุด และต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด แสดงว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ไม่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน และลดลงด้วย เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันที่เสียเปรียบผู้ประกอบการกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีที่ลดลง เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การจ้างงาน และการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ในไตรมาส 2 ปี 2560 มีค่าเท่ากับ 67.0 จุด เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 65.1 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล มีทิศทางความเชื่อมั่นในเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยมีค่าเพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้านจากไตรมาส 1 ปี 2560 โดยเฉพาะจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และแผนที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคตอีก 6 เดือน ยกเว้นด้านการจ้างงาน ซึ่งผู้ประกอบการไม่มีความเชื่อมั่น
หากพิจารณาแยกตามกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 73.1 จุด เพิ่มขึ้นจาก 71.9 จุดในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีผลจากปัจจัยความเชื่อมั่นในด้านผลประกอบการ การลงทุน และแผนที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคต ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 57.9 จุด เพิ่มขึ้นจาก 54.9 จุด ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีปัจจัยความเชื่อมั่นที่สำคัญในด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน ต้นทุนประกอบการ และการเปิดโครงการใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies และกลุ่ม Non-listed Companies มีความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สรุปโดยรวม คือ แม้ว่าผู้ประกอบการทุกกลุ่มในเขตกรุงเทพฯ – ปริมณฑลมีความเชื่อมั่นในปัจจุบันที่ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่พบว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้าสถานการณ์ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของยอดขาย การเปิดตัวโครงการใหม่ การลงทุน และผลประกอบการจะดีขึ้น