xs
xsm
sm
md
lg

ยกระดับแหล่งเรียนรู้ ผุดโครงการฯ ติดปีกความรู้ สู่นอกห้องเรียน ตามแนวทาง STEM ควบคู่พัฒนาทักษะ สนองนโยบายรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ เดินหน้าส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนไทย สนองนโยบายรัฐบาลที่มุ่งติดอาวุธทางปัญญาให้เยาวชน เปิดตัว “โครงการจัดทำกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน : ติดปีกความรู้ สู่นอกห้องเรียน” เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามแนวทาง STEM ควบคู่พัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 จาก 11 หน่วยงาน รวบรวมกว่า 50 กิจกรรมปูพรมจัดทั่วประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และอำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ มุ่งกระจายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้แก่เยาวชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม เพื่อกระตุ้นและปลูกฝังให้รู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเองตามความถนัดและนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานแหล่งเรียนรู้ของไทยให้สามารถบริการด้านองค์ความรู้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง เพื่อส่งเสริมให้คนไทยทุกเพศทุกวัยและทุกพื้นที่ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองและพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน ส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการฯ โดยหนึ่งในวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนโดยใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับเยาวชน

“โครงการจัดทำกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน : ติดปีกความรู้ สู่นอกห้องเรียน เป็น 1 ใน 5 โครงการนำร่องภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ที่สนองตอบนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนตามหลักการ STEM Education ที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำและให้ความสำคัญตลอดมา ในการบูรณาการความรู้สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ (Science) คณิตศาสตร์ (Mathematics) เทคโนโลยี (Technology) และวิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) เน้นให้ผู้เรียนสามารถนำไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในทฤษฎีหรือบทเรียนในห้องเรียนผ่านการปฏิบัติจริง ควบคู่กับการพัฒนาทักษะการคิด การตั้งคำถาม การค้นหาข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆ พร้อมทั้งสามารถนำข้อค้นพบนั้นไปบูรณาการใช้ในชีวิตประจำวันได้ และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาการศึกษาในอนาคตของกระทรวงศึกษาธิการ

โดยหน่วยงานที่ร่วมจัดทำกิจกรรมทั้ง 51 กิจกรรมภายใต้โครงการฯ ประกอบด้วย 11 หน่วยงาน ภายใต้ 7 กระทรวง ซึ่งเป็นเจ้าขององค์ความรู้และมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรมการเรียนรู้โดยตรง มีกลุ่มเป้าหมายหลักได้แก่ เยาวชน ครู อาจารย์ และสถาบันการศึกษา และมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผ่านกระบวนการนำเสนอที่น่าสนใจ สนุกสนาน เข้าใจง่าย และตามความสนใจของผู้เรียน อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนาแนวทางการศึกษาของประเทศที่ต้องการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ และต่อยอดองค์ความรู้ต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ มีวิสัยทัศน์ สามารถพัฒนาตนเองและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ จากแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ ภายใต้คณะกรรมการฯ

พลอากาศเอก ประจิน กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้จัดทำคู่มือกิจกรรมนอกห้องเรียนโดยรวบรวมข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ภายใต้คณะกรรมการฯ และมีความมุ่งหวังที่จะให้สถานศึกษาหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้อย่างคุ้มค่า เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามความพร้อมและความถนัด และคาดหวังว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากสถานศึกษา ครู อาจารย์ ตลอดจนเยาวชนให้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์จากพิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้และกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างเต็มที่ เป็นการสร้างความร่วมมือเชิงรุกของหน่วยงานพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ในการพัฒนาแนวทางและต้นแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต”

ทั้งนี้ คณะกรรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ มาจากการที่รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2558 โดยมี พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและมีคณะกรรมการฯ ที่มาจาก 8 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้อีก 10 หน่วยงานประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการทำงานและยกระดับมาตรฐานพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทั่วประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น