ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ สมาคม บจ. เดินหน้าสนับสนุนนโยบายภาครัฐ จัดงาน “SET100 ผนึกกำลังประชารัฐ” โดยได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้นโยบายพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเพื่อประสานความร่วมมือจากภาคตลาดเงินตลาดทุน ในการสนับสนุน SMEs และ Start-up พร้อมเชิญผู้บริหารระดับสูงในตลาดเงินตลาดทุน ภาครัฐ แลกเปลี่ยนมุมมอง สอดคล้องแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มุ่งสนับสนุนการเติบโตของ SMEs ทั้งประเทศ
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย จัดงาน “SET100 ผนึกกำลังประชารัฐ” เมื่อ 1 เม.ย. 2559โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของ บจ. ทั้ง SET และ mai ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ธุรกิจ Start-up และกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ตามนโยบายภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ New S-curve โดยได้รับเกียรติจาก ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเพื่อประสานความร่วมมือจากภาคตลาดเงินตลาดทุน และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) วิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) และกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยสนับสนุนและกระตุ้นบริษัทจดทะเบียนให้ร่วมส่งเสริมธุรกิจดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของตนเอง รวมทั้งส่งเสริมให้ธุรกิจดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นด้านการขยายแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs การอบรมให้ความรู้แก่ SMEs, Start-up และ SE และการจัดทำ Social Impact Portal เพื่อส่งเสริม SE โดยตรง
ปัจจุบันมี บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายแห่งให้การสนับสนุนธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยให้การสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การช่วยพัฒนาศักยภาพโดยให้ความรู้ และให้คำปรึกษาเชิงลึกในการดำเนินธุรกิจเพื่อต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสนับสนุนให้ บจ. อื่นๆ ดำเนินโครงการที่ส่งเสริมการเติบโตและแข็งแรงของธุรกิจ SMEs และ ธุรกิจ Start-up อย่างเป็นรูปธรรม โดยภายในงานจะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการเติมทุนหมุนเวียนคู่ค้า (LIT-Supply Chain Finance) ระหว่าง บมจ. ลีซ อิท (LIT) ผู้ประกอบธุรกิจบริการสินเชื่อครบวงจรสำหรับ SMEs กับ 5 บมจ. ได้แก่ บมจ. เอทีพี 30 (ATP30) บมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM) บมจ. คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (K) บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) และบมจ. โซลาร์ตรอน (SOLAR) เพื่อช่วยให้คู่ค้า SMEs ของ บมจ. ที่ร่วมโครงการ มีสภาพคล่องทางการเงินและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้
นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้สมาคมฯ ในฐานะหนึ่งในภาคีประสานพลังประชารัฐที่จะร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุน SMEs และ ธุรกิจ Start-up ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินการด้านการส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของภาคเอกชนที่สมาคมฯ ดำเนินการอยู่ โดยในปี 2558 สมาคมฯ ได้เปิดตัวศูนย์เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ (Center for Building Competitive Enterprises) หรือ CBCE ที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาวิชาชีพบัญชีฯ ซึ่งศูนย์ CBCE จะเป็นศูนย์ที่รวบรวมผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจมาไว้ด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการบริหารจัดการองค์กร โดยมุ่งหวังที่จะช่วยการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพก็จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้ ผลที่ตามมาก็จะเป็นการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยได้ในระยะยาวต่อไป
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย จัดงาน “SET100 ผนึกกำลังประชารัฐ” เมื่อ 1 เม.ย. 2559โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของ บจ. ทั้ง SET และ mai ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ธุรกิจ Start-up และกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ตามนโยบายภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ New S-curve โดยได้รับเกียรติจาก ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเพื่อประสานความร่วมมือจากภาคตลาดเงินตลาดทุน และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) วิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) และกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยสนับสนุนและกระตุ้นบริษัทจดทะเบียนให้ร่วมส่งเสริมธุรกิจดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของตนเอง รวมทั้งส่งเสริมให้ธุรกิจดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นด้านการขยายแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs การอบรมให้ความรู้แก่ SMEs, Start-up และ SE และการจัดทำ Social Impact Portal เพื่อส่งเสริม SE โดยตรง
ปัจจุบันมี บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายแห่งให้การสนับสนุนธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยให้การสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การช่วยพัฒนาศักยภาพโดยให้ความรู้ และให้คำปรึกษาเชิงลึกในการดำเนินธุรกิจเพื่อต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสนับสนุนให้ บจ. อื่นๆ ดำเนินโครงการที่ส่งเสริมการเติบโตและแข็งแรงของธุรกิจ SMEs และ ธุรกิจ Start-up อย่างเป็นรูปธรรม โดยภายในงานจะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการเติมทุนหมุนเวียนคู่ค้า (LIT-Supply Chain Finance) ระหว่าง บมจ. ลีซ อิท (LIT) ผู้ประกอบธุรกิจบริการสินเชื่อครบวงจรสำหรับ SMEs กับ 5 บมจ. ได้แก่ บมจ. เอทีพี 30 (ATP30) บมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM) บมจ. คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (K) บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) และบมจ. โซลาร์ตรอน (SOLAR) เพื่อช่วยให้คู่ค้า SMEs ของ บมจ. ที่ร่วมโครงการ มีสภาพคล่องทางการเงินและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้
นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้สมาคมฯ ในฐานะหนึ่งในภาคีประสานพลังประชารัฐที่จะร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุน SMEs และ ธุรกิจ Start-up ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินการด้านการส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของภาคเอกชนที่สมาคมฯ ดำเนินการอยู่ โดยในปี 2558 สมาคมฯ ได้เปิดตัวศูนย์เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ (Center for Building Competitive Enterprises) หรือ CBCE ที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาวิชาชีพบัญชีฯ ซึ่งศูนย์ CBCE จะเป็นศูนย์ที่รวบรวมผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจมาไว้ด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการบริหารจัดการองค์กร โดยมุ่งหวังที่จะช่วยการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพก็จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้ ผลที่ตามมาก็จะเป็นการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยได้ในระยะยาวต่อไป