xs
xsm
sm
md
lg

ทีเอ็มบีตอกย้ำแนวคิด Make THE Difference ระดมคนดังปลุกพลังสร้างเป้าหมายชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทีเอ็มบีตอกย้ำแนวคิด Make THE Difference ในงานสัมมนา“ฉันเปลี่ยน เพราะเขียนเป้า”ระดมคนดังถ่ายทอดประสบการณ์วิธีสร้างความสำเร็จ พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์โฉมใหม่ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนออนไลน์สนุกกับการตั้งเป้าหมายเหมือนการเล่นเกมทีละด่าน พร้อมระบบการเตือนด้วยฟังก์ชั่นประสิทธิภาพ

จากงานวิจัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าการตั้งเป้าหมายส่งผลให้นักศึกษาประสบความสำเร็จด้านรายได้สูงกว่านักศึกษาคนอื่นๆ ไม่เขียนเป้าหมายถึง 10 เท่า ล่าสุดเว็บไซต์ www.makeTHEdifference.org โดยทีเอ็มบี จัดสัมมนา “ฉันเปลี่ยน เพราะเขียนเป้า” พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์โฉมใหม่ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนออนไลน์สนุกกับการตั้งเป้าหมายเหมือนการเล่นเกมทีละด่าน พร้อมระบบการเตือนด้วยฟังก์ชั่นประสิทธิภาพ ตอกย้ำแนวคิด Make THE Difference หรือเปลี่ยน เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น

โดยมีวิทยากรและแขกรับเชิญที่มาร่วมบอกเล่าถึงเป้าหมายที่กลายเป็นความจริง อาทิ วิสูตร แสงอรุณเลิศ นักเขียนและนักสร้างแรงบันดาลใจ วิทิตนันท์ โรจนพานิช คนไทยหัวใจแกร่งผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จเป็นคนแรกของประเทศ และฐานันดร์ ปฎิภานธาดา ท็อปเทนบอนไซดีไซเนอร์รายได้สูงในประเทศ

“เพียงแค่คุณมีเป้าหมาย สังคมออนไลน์ www.makeTHEdifference.org จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในทุกเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยแรงบันดาลใจ อุปกรณ์และเครื่องมือ ที่ใช้งานง่าย สะดวก สนุกและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต”

“ในการที่จะช่วยทำให้เป้าหมายคุณเป็นความจริงเพื่อเปลี่ยนให้ชีวิตคุณดีขึ้น ปีนี้เว็บไซต์โฉมใหม่ เพิ่มผู้ช่วยในการตั้งเป้าหมาย ที่เริ่มต้นจากการรู้จักตัวเอง การวางแผนอย่างเป็นระบบ และการมุ่งสู่จุดหมาย ที่มาพร้อมกับ SMART Checklist เพื่อให้คุณสามารถตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน”
โฮมเพจของเว็บไซต์โฉมใหม่ www.makeTHEdifference.org
“และยังแต่งเติมลูกเล่น “อัพเดทความคืบหน้า” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง และเพื่อให้การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องสนุก ที่สำคัญผู้ตั้งเป้าหมายสามารถกำหนดการตั้งเป้าได้ว่าอยากแชร์สู่โชเชียลเน็ทเวิร์ค หรืออยากจะอัพเดทความสำเร็จจนแล้วเสร็จก่อน จึงค่อยแชร์ก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง” คมกริช กวินอัครฐิติ เจ้าหน้าที่บริหาร กลยุทธ์ภาพลักษณ์องค์กร ทีเอ็มบี กล่าวถึงแนวคิด Make THE Difference หรือ “เปลี่ยน เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น”

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้เท่ากับวันที่เขามีเป้าหมาย” นี่คือความเชื่อของ “วิสูตร แสงอรุณเลิศ” เจ้าของพ็อกเก็ตบุ๊คฉันเปลี่ยน เพราะเขียนเป้า เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าชีวิตเปลี่ยนแปลง เพราะการเขียนเป้าหมาย
วิสูตร แสงอรุณเลิศ
“ขึ้นแท็กซี่ต้องบอกว่าไปที่ไหน สร้างบ้านต้องมีแปลน แล้วชีวิตเราทั้งชีวิต จะไม่มีแผนการได้อย่างไร เป้าหมายเกิดขึ้นในหัวหรือจินตนาการก่อน ผมมีความฝัน อยากจะเป็น อยากจะได้ ถ้าแค่อยากจะฝัน ก็วาดไว้ในอากาศ แต่ถ้าต้องการให้เป็นจริง ก็ควรเขียนไว้ในกระดาษ เพราะการเขียนทำให้เราไม่หลงทาง การมีเป้าหมายยังทำให้ชีวิตเรารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบผู้หญิงคนหนึ่ง อยากจะให้เค้าหันมาสนใจเรา ตั้งแต่นั้น เราเริ่มที่จะดูแลตัวเอง แต่งตัวสะอาดสะอ้านขึ้น ดูแลบุคลิกตัวเอง มีความกระตือรือร้นมากขึ้น”

“และสิ่งที่เราเรียนรู้จากการเขียนเป้าหมายก็คือ เป้าหมายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป้าหมายจะสำเร็จได้อย่างไร ยังไม่ต้องรู้ เพราะถ้ารู้ทางไป จะไม่ใช่เป้าหมาย เป็นเพียงลิสต์ของกิจกรรมที่คุณจะต้องทำ ส่วนคีย์เวิร์ดของการตั้งเป้าหมาย คือ อยากได้ อยากจะไป แค่รู้ปลายทาง ขอให้เชื่อว่า ทุกอย่างจะต่อทางให้เราเอง เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน ก็เหมือนทุกอย่างเปิดทางให้เอง”

“เรารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่จุด A ถ้าจะเดินตามเป้าหมายไปยังจุด B เราจะต้องเรียนรู้ หรือต้องมีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อให้ถึงจุดนั้น เมื่อมีเป้าหมาย เราจะเรียนรู้ถึงแนวทางที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย การเขียนเป้าหมายจึงไม่ใช่การสวดอ้อนวอน แล้วไม่ลงมือทำ แต่ประโยชน์ของการเขียนเป้าหมาย ทำให้เรารวบรวม ทุกๆ พลังของเรา จดจ่อ และไม่ละสายตาไปจากเป้าหมาย”

“ในระหว่างทาง เราอาจจะมีอุปสรรค หรือล้มบ้าง แต่การล้มนั้นไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นเพียงการล้ม เพื่อเรียนรู้ ทุกครั้งที่ล้มคือได้เรียนรู้ตลอด และทุกครั้งที่หลงทางให้กลับมาที่จุดเดิม กลับมาถามตัวเองว่า ชีวิตนี้คุณต้องการอะไร อะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต และถึงแม้รู้ว่าก้าวต่อไปจะต้องเจออุปสรรค แต่ก็ต้องเดินไปหรือลงมือทำทันที เพื่อไปให้ถึงจุด B อย่าให้ความกลัวมาเป็นอุปสรรค ลงมือทำทั้งๆ ที่กลัว ความกลัวจะตัวนิดเดียว เมื่อเราหยุดคิดแล้วลงมือทำ”
วิทิตนันท์ โรจนพานิช
วิทิตนันท์ โรจนพานิช คนไทยหัวใจแกร่งผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จเป็นคนแรกของประเทศไทย ผู้มาพร้อมกับเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องการจะปักธงชาติไทย และมีชื่อคนไทยอยู่ในบันทึกของโลก กล่าวว่า “เป้าหมายจะเป็นเหมือนเข็มทิศที่นำทางชีวิตของเรา ถ้าเปรียบเทียบชีวิตเราเป็นเรือ ต้องออกไปเจออะไรมากมายในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นเรือเล็ก เรือใหญ่ ต่างก็ต้องมีหางเสือ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่รู้ว่าฝั่งอยู่ตรงไหน”

“สำหรับเป้าหมายของผมคือต้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บนยอดเขา เอเวอเรสต์ ให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีที่ปกแผ่ไพศาลไปทั่วโลก รวมทั้งบนยอดสูงสุดของเทือกเขาทั้ง 7 ทวีป หรือภารกิจเซเว่น ซัมมิท ผมต้องพบกับความยากลำบาก ตั้งแต่การหาสปอนเซอร์ การสร้างร่างกาย การฝึกฝน การเรียนรู้วิธีการปีนเขา ความยากลำบาก ต้องอดทน มีสติจดจ่อกับเป้าหมาย ฝึกร่างกาย ต้องเริ่มต้นการวิ่งที่ระยะ 2 กม. ค่อยๆ เพิ่มเป็น 4 กม, 8 กม, 12 กม จนถึงวิ่งวันละ 12 กม ฝึกแบกของน้ำหนัก 12 กิโลกรัม ใส่กระเป๋าแล้วเดินขึ้นตึกสูงของบันยันทรี เพราะยอดเขาสูงขนาดนี้จะไม่มีลูกหาบ ต้องแบกเอง ต้องฝึกจนเป็นความเคยชิน”

“ผมใช้เวลาถึง 6 ปีกว่าจะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จ ในระหว่างทางก็มีล้มบ้าง แต่ไม่ท้อแท้ มีวิธีคิดว่า จะต้องชนะทีละนิด ทีละก้าว แต่บ่อยๆ เพราะอยากจะทำอะไรตอบแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาตลอด ส่วนกลยุทธ์ที่ทำให้สำเร็จ ก็คือ รักและสนุกกับสิ่งที่เราทำ ทำด้วยหัวใจ ต้องศึกษาหาความรู้ก่อนลงมือ และลงมือทำอย่างจริงจัง ตอนนี้มีเป้าหมายใหม่ในโปรเจกต์ Heart Quake อยากจะปลูกบ้าน 100 หลัง จะต้องหาเงินทุนสร้างบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวพี่น้องชาวเนปาล บ้านหนึ่งหลังจะต้องใช้เงินทุนประมาณ 70,000 บาท”
ฐานันดร์ ปฏิภานธาดา
ฐานันดร์ ปฏิภานธาดา ท็อปเทนผู้ทำธุรกิจบอนไซรายได้สูงในประเทศ กล่าวว่า “ผมเป็นสถาปนิก และเป็นอีกคนที่พยายามหาความมั่นคงให้ชีวิต ชอบอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง และเข้าร่วมฟังสัมมนาต่างๆ มากมาย ทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่ผลลัพธ์ ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เลยหันมาลองเขียนเป้าหมาย เราอยากจะทำอะไร เราอยากจะเป็นอะไร ผมตัดสินใจเขียนใส่สมุด และอ่านทุกคืนก่อนนอน หนึ่งข้อในนั้น ก็คือ เป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจบอนไซ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เราสามารถลุยอย่างเต็มที่ กับสิ่งที่เราชอบ ทำได้ตั้งแต่เช้าไปจนสี่ห้าทุ่ม”

“เราเปลี่ยนสิ่งที่ชอบมาเป็นรายได้ของเรา ในระหว่างทางกว่าจะเดินถึงเป้าหมาย อย่างเช่น เป้าหมายที่ต้องการ มีบทความบอนไซที่เราทำลงในนิตยสาร ผมก็หาทางให้สำเร็จด้วยการส่งอีเมลกว่า 10 ฉบับ แนะนำตัวเอง เพื่อเขียนบทความบอนไซโดยไม่รับค่าตอบแทน จนในที่สุดก็มีหนึ่งฉบับตอบรับมา ระหว่างทางที่พบกับอุปสรรค ก็ไม่เคยรู้สึกท้อ หรืออยากล้มเลิก เพราะบอนไซเป็นสิ่งที่เรารัก เราอยากทำ เรานั่งดีไซน์นั่งแต่งบอนไซได้ทั้งวัน ลืมทานข้าวปลา ไม่ว่าจะมีคนซื้อบอนไซที่เราดีไซน์หรือไม่ เราก็ตั้งโชว์ผลงานที่เราทำ การทำในสิ่งที่เรารัก จะเป็นแต้มต่อให้เราเหนือกว่าคนอื่น”

“เป้าหมายจากนี้ อยากจะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับบอนไซ โดยการเปิดโรงเรียนสอนบอนไซ และภายใน 2-3 ปีนี้ อยากจะมีมิวเซียมบอนไซ ที่จะมีทั้งคาเฟ่บอนไซ ซูเปอร์มาร์เก็ตบอนไซ และบุ๊คสโตร์บอนไซ สำหรับผมแล้วการเขียนเป้าหมาย สำคัญมาก เพราะช่วยให้เราไม่ลืม เราไม่สามารถจำทุกสิ่งอย่างได้ เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากแต่ละวัน การเขียนช่วยจัดการระบบความคิดว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ยิ่งวันนี้ ทุกคนมีมือถือ ยิ่งสะดวกมาก ที่จะเข้าเว็บไซต์ makeTHEdifference.org เราก็สามารถตั้งเป้าหมาย และกลับมาอัพเดทกันได้ โดยไม่ต้องมานั่งจำ และทบทวนอีกครั้งเพื่อจดใส่กระดาษ”
มัลลิกา มากสลุด
มัลลิกา มากสลุด เจ้าของธุรกิจอาหารเสริม ร่วมเผยเป้าหมายที่เป็นจริงว่า “เรามีแรงผลักดันคือครอบครัว อยากให้พ่อกับแม่สบาย ตอนนี้เริ่มทำแบรนด์สินค้าของตัวเองเป็นอาหารเสริมเพื่อลดน้ำหนัก เพราะเราเคยอ้วน รู้สึกมีความสุขมาก เพราะได้ทำในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ เมื่อ 6 ปีก่อน เราก็มานั่งฟังสัมมนา ไม่เคยรู้สึกเลยว่าเราจะไม่สำเร็จ เชื่อว่าถ้าเรามีแผนการชีวิตหรือเป้าหมายชัดเจน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา แค่ว่ามีวินัยและจริงจัง จริงใจกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน”
บงกช พงษ์อัคคศิรา
บงกช พงษ์อัคคศิรา นิสิตคณะเกษตรศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เกียรตินิยมบัณฑิตอันดับ 2 ที่กำลังจะเข้ารับปริญญา เผยว่า “เพราะเราเป็นเด็กสายศิลป์-คำนวณ ที่มาเรียนคณะที่เป็นสายวิทย์ มีคนดูถูกเยอะ จนกลายเป็นแรงผลักดัน ว่าเราต้องทำให้ได้ เขียนเป้าหมายว่า A+ ตัวใหญ่ๆ ติดไว้ที่ตู้เสื้อผ้า จะได้เห็นตลอด จัดตารางเรียนอย่างใส่ใจ เวลาเจออุปสรรคหาความรู้เพิ่มเติม ในเวลาเดียวกัน ก็ไม่อยากให้ตัวเองเครียด ฟังเพลง เล่นดนตรี มีท้อบ้าง แต่ไม่เคยถอย เพราะคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราถอย ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้น แม้ว่าเราจะต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น 10 เท่า ก็ต้องทำ”
กำลังโหลดความคิดเห็น