Q: แรกเริ่มเจ้านายแค่พูดทีเล่นทีจริง ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พักหลังเริ่มเอาจริงขึ้นเรื่อยๆเลยปฏิเสธออกไป ผลที่ได้คือ โดนเหวี่ยงเรื่องงาน ทำอะไรก็ผิดไปหมด ผู้นำแบบนี้ก็มีด้วยทำยังไงดีล่ะทีนี้
A: โอ้ โลกนี้ช่างวุ่นวายหนอ อ่านคำถามจบ ก็คิดอยู่หลายตลบว่าจะตอบยังไงดี เอาอย่างนี้แล้วกัน คือ ผมไม่มีคำตอบว่าดีที่สุดควรทำอย่างไร แต่ขอให้เป็นความเห็นแทน
ผมคิดว่ากรณีแบบนี้ คุณมีทางเลือก 7 อย่าง
1. ทำตัวปกติ ตั้งใจทำงานต่อไป หวังว่าหัวหน้าจะเปลี่ยนใจในที่สุด อย่าทำมึนตึง เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นต่อไป ส่วนหัวหน้าจะตอบสนองอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแก จงทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ จากนั้น ตั้งใจสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ หวังว่าองค์กรนี้ คงไม่ได้มีหัวหน้าคนเดียวเท่านั้น ที่เห็นเรา หากองค์กรดีจริง คงมีผู้บริหารคนอื่นๆ รับรู้ถึงความสามารถและ อาจช่วยปกป้องเราได้ในอนาคต
2. เปิดใจ ลองคบดูสักตั้ง ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต บางทีเราอาจจะด่วนสรุปมากเกินไป หลายคู่ที่คบกันอยู่ทุกวันนี้ ตอนแรกๆ เจอหน้ากันก็ไม่ได้หลงรักในทันที บางคู่เคยเกลียดกันมาก่อนด้วยซ้ำ ลองเปิดใจให้กว้างขึ้น อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเอง เดี๋ยวนี้เรื่องหญิงคบหญิง ชายคบชาย กลายเป็นเรื่องปกติ ไม่แน่หนังเรื่องนี้อาจจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งก็เป็นได้ ... ใครจะรู้ ?
3. วิ่งเต้นขอย้ายไปหน่วยงานอื่น ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม หากนิ่งนอนใจปล่อยระยะเวลาเนินนานไป สถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่าที่คิด นอกจากเหวี่ยงเรื่องงานอาจถูกแกล้งเรื่องอื่นๆ ตามมาอีก เพราะฉะนั้น หากยังรักและ อยากทำงานที่นี่ต่อไป ลองมองหาโอกาสที่จะย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่นดู เริ่มต้นจากลองคุยกับหน่วยงาน HR ปรึกษาตรงๆ ว่าสนใจอยากย้ายงานไปแผนกอื่น พอจะมีคำแนะนำหรือช่องทางอะไรบ้าง
4. พาแฟนมาควงให้เห็นบ่อยๆ เผื่อหัวหน้าจะยอมล่าถอย เผอิญไม่ได้เป็นทอม แต่ขอตอบจากความรู้สึกของผู้ชาย บ่อยครั้งที่เมื่อเราคิดชอบหญิงสักคน แต่พอรู้ว่าเธอมีเจ้าของ ก็ทำใจยอมรับสภาพ แล้วเปลี่ยนไปหาเป้าหมายใหม่ต่อไป เพราะฉะนั้น คงไม่เสียหายหากจะลองวิธีนี้ดู ถ้ามีแฟนอยู่แล้วก็ดี เอามาใช้ประโยชน์ซะเลย แต่ถ้ายังไม่มี คงต้องไปขอยืมใครมาอุปโลกน์เป็นแฟนสักคน อย่างน้อยสักระยะ เผื่อสถานการณ์ต่างๆ อาจดีขึ้น
5. แนะนำเพื่อนที่มีรสนิยมตรงกันให้รู้จัก แล้วให้ไปสานต่อกันเอง ผันตัวเองไปเป็นแม่สื่อซะเลย ลองมองหาเพื่อนๆ ที่รู้จักว่ามีใครเป็นดี้บ้างไหม จะได้แนะนำให้รู้จักหัวหน้า "ทอม" ของเรา หากโชคดีคุยกันแล้วถูกคอชอบพอกัน ก็จะเป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้ง 3 ฝ่าย เรียกว่า Win-Win-Win คือ หัวหน้าก็แฮปปี้ เพื่อนที่เราแนะนำให้ก็มีความสุข ส่วนตัวเราก็พ้นทุกข์ เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 3 ตัวเลยทีเดียวเชียว
6. ตัดสินใจลาออก ไปหาองค์กรใหม่ ที่น่าจะสดใสกว่านี้ เรื่องที่เกิดขึ้น อาจทำให้เราเสียเวลา เสียสมอง เสียอารมณ์ ที่ต้องมานั่งครุ่นคิดและคอยกังวล แทนที่จะมาจมปลักอยู่แบบนี้ ทำไมไม่มองหางานใหม่ ที่เหมาะสมกับเรามากกว่า ชีวิตจะได้มีความสุขขึ้น ไม่ต้องเสียสติกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
7. หนีไปบวชชีสักระยะ เผื่อหัวหน้าจะปลงได้บ้าง หากศรัทธาด้านนี้อยู่แล้ว ก็อาจถือโอกาสหันหน้าเข้าหาธรรมะสักพัก นอกจากจะช่วยจรรโลงจิตใจ ทำให้ผ่องใส่แล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับหัวหน้าท่านไป เผื่อจะได้หมดเวรหมดกรรมกันเร็วขึ้น หลายคนที่ผมเห็น เมื่อถึงตาจน ชีวิตเข้าสู่ช่วงวิกฤต ก็หันมาพึงศาสนาปรากฏว่าดีขึ้นอย่างทันตาเห็น
คิดได้แค่นี้ครับ หวังว่าคงมีสักวิธี ที่จะช่วยคุณได้ ขอให้โชคดี
อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
apiwut@riverorchid.com
