xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์วิจัยม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เผย CEO กังวลสถานการณ์การเมือง ฉุดดัชนีเศรษฐกิจร่วงหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์-กรุงเทพธุรกิจ เผยผลสำรวจ CEO Sentiment Index เดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน พบผู้บริหารระดับสูงมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมือง ส่งผลดัชนีเศรษฐกิจร่วงหนัก โดยเฉพาะเดือนต.ค.เท่ากับ -16 ต่ำสุดในรอบปี

ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPURC) ร่วมกับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจสำรวจความเห็นของผู้บริหารบริษัทจำนวน429 คน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2556 เกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจและธุรกิจ พบว่าดัชนีทางเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมเท่ากับ -16 ซึ่งต่ำสุดในรอบปี และยังเป็นระดับที่ลดลงจากเดือนกันยายนถึง -9 สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะชะงักงันของเศรษฐกิจ ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายน คาดการณ์ว่าดัชนีจะมีค่า -15 ทั้งนี้การที่ดัชนีมีค่าติดลบสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริหารต่อปัญหาด้านการเมือง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 กลายเป็นสภาวะชะงักงันและถดถอยของเศรษฐกิจ

การเมืองปัจจัยหลักกระทบธุรกิจ
​สำหรับปัจจัยสำคัญที่สุด 5 อันดับแรกที่ผู้บริหารเห็นว่า มีผลต่อการทำธุรกิจในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน คือ การเมืองภายในประเทศ 4.7 คะแนน สภาวะเศรษฐกิจของประเทศ 4.5 คะแนน ความต้องการของตลาดที่ลดลง 4.2 คะแนน ต้นทุนวัตถุดิบและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน 4.0 คะแนนเท่ากัน

ดัชนีรายได้ติดลบต่อเนื่อง
​ด้านดัชนีการทำธุรกิจมี 4 ด้าน ได้แก่ ดัชนีด้านรายได้ ดัชนีด้านต้นทุน ดัชนีด้านสภาพคล่อง และดัชนีด้านการจ้างงานนั้น เมื่อพิจารณาถึงดัชนีด้านรายได้ในเดือนตุลาคม พบว่ามีค่าเป็น -17 และคาดว่าจะปรับลดลงเป็น -20 ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีด้านต้นทุนปรับลดจากเดิมมาอยู่ที่ระดับ 43 จุด และคาดว่าจะปรับลดลงอีกเป็น 35 จุดในเดือนพฤศจิกายน แต่การที่ดัชนียังมีค่าเป็นบวกแสดงว่าต้นทุนยังมีการเพิ่มขึ้น

ทิศทางที่ลดลงของรายได้และการเพิ่มขึ้นของต้นทุน ส่งผลให้ดัชนีสภาพคล่องยังคงมีค่าติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยมีค่า -10 และคาดว่าจะลดลงเป็น -14 ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีการจ้างงานในเดือนตุลาคมมีค่า -3 จุดเท่ากับเดือนก่อนหน้าและคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น -2 จุดในเดือนต่อไป

​จากผลสำรวจเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เห็นได้ว่า สถานการณ์การเมืองเป็นเรื่องหลักที่ผู้บริหารมีความกังวลและต้องเฝ้าประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่า การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของรัฐบาลจนนำสู่การชุมนุมของภาคประชาชนจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไร ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งมุมมองด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองและความน่าเชื่อถือในอำนาจนิติบัญญัติของไทย รวมถึงยังมีผลกระทบต่อรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในฤดูท่องเที่ยวปลายปีนี้อีกด้วย ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแม้จะเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องมีการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น