Q: ดิฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่งได้ไม่ถึงเดือน มีเรื่องที่ทำให้รู้สึกช็อคจนหวั่นใจเกิดขึ้น คือดิฉันเป็นผู้บริหารระดับต้น มีลูกน้องในทีม 4 - 5 คน เมื่อหลายวันก่อน ผู้บริหารสูงสุด ของฝ่าย เดินมาว่า (ด่า) ลูกน้องของดิฉันถึงโต๊ะ โดยที่ดิฉันไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่า ได้ยินคำหยาบคายแบบนี้จากปากผู้บริหารระดับสูง หลังเหตุการณ์ ลูกน้องดิฉันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ตัวเองยอมรับว่าจัดการไม่ถูก เพราะเขาเป็นเจ้านาย จะเรียกมาตักเตือนคงทำไม่ได้ สอบถามผู้คนรอบข้าง ได้ยินว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้อาจแรงไปนิด ลองไปถามหัวหน้าตัวเองเขาก็บอกให้ทำใจ อยากเรียนปรึกษาอาจารย์ว่า "ทำใจ" คือโอกาสสุดท้ายแล้วจริงหรือ
A: เรื่องแบบนี้น่าเห็นใจ ทั้งผู้ถาม ทั้งลูกน้องที่ถูกด่า รวมทั้งพนักงานคนอื่นๆ ที่ต้องพลอยขนพองสยองเกล้าไปกับเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
อันที่จริงพฤติกรรมของผู้บริหารหลายคนในหลายๆ องค์กร ก็เป็นเช่นนี้ ซึ่งผมแปลกใจรวมทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมองค์กรทั้งหลาย ยังเก็บรักษาคนเหล่านี้เอาไว้อีก ผมเชื่อว่าลึกๆ ทุกคนรู้ดีว่าคนๆ นี้เป็นยังไง แต่เขาคงมีผลงานดีหรือรู้งานเยอะมาก จนผู้ใหญ่หรือเจ้าของต้องเกรงใจไม่กล้าแตะต้องอะไร เพราะกลัวว่าหากลาออกไป ธุรกิจจะกระทบ แต่ผมอยากถือโอกาสนี้บอกผู้บริหารและ เจ้าของกิจการที่มีคนอย่างนี้อยู่ในทีม หรือในองค์กรเลยนะครับ ว่าคนอย่างนี้คือ "มะเร็งร้าย" ที่รอวันแต่จะแพร่ขยายกระจายเชื้อและ สร้างความเสียหาย ให้กับองค์กรในระยะยาว จริงอยู่แม้ในระยะสั้นท่านต้องพึ่งพิงเขา แต่ก็ควรหาทางค่อยๆ ผ่องถ่ายงานและ ความรู้ออกจากตัวเขาให้มากและเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม หากวันหนึ่งที่ไม่มีเขาจะได้ไม่เดือดร้อนมากเกินไป จากนั้นจึงค่อยๆ หาทางเปลี่ยนนิสัยหรือหากเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ ก็ "กำจัด" ออกจากองค์กรไป คล้ายๆ เนื้อร้าย ที่ต้องรีบรักษาก่อนจะลุกลามใหญ่โต
สำหรับกรณีนี้ คุณเพิ่งเข้ามาใหม่ในองค์กร บารมียังไม่แก่กล้า ผลงานยังไม่เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง รวมทั้งคงจะยังไม่เข้าใจการเมืองภายในองค์กรมากนัก ข้อแนะนำเบื้องต้นคือ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป ทั้งในแง่การตัดสินใจ "ชน" หรือ "หนี" ก็ตาม
งานนี้ต้องคิดว่าเป็นงานใหญ่ที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับชีวิตและ การเติบโตในอาชีพการงาน เพราะเชื่อผมว่าในชีวิตของคุณ ก็จะเจอคนแบบนี้อีก ไม่เร็วก็ช้า ดังนั้นทำตามนี้ครับ
1. ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ มีดีเอาออกมาโชว์ สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะการมีผลงานดีและ ถูกมองว่าเป็นคนเก่ง เป็นบารมีส่วนตัวอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีอำนาจได้ในอนาคต ต่อไปจะต่อรอง หรือพูดอะไรก็ง่ายขึ้นกว่าคนที่ไม่มีผลงานหรือถูกมองว่า "ไม่เก่ง"
2. สอบถามลูกน้องคนที่ถูกด่าว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดและคิดว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้บ้าง มองข้ามคำพูดของคนๆ นั้นไป เมื่อเจ็บแล้วต้องเรียนรู้ คราวหลังอย่าผิดซ้ำแบบเดิมอีก
3. อย่าวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของผู้บริหารคนนั้น ให้ปิดปากและ เปิดหูรับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นมาและเป็นไป โดยเฉพาะในระยะแรกๆ ของการทำงาน
4. คุยกับนายใหญ่หรือเจ้าของบ่อยๆ เพื่อให้เข้าใจวิธีคิดและมุมมอง พยายามทำงานให้ "เข้าขา" และ "เข้าตา" ทำให้ท่านไว้ใจและเชื่อใจ เพราะต่อไป พูดอะไรก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น
5. ให้มองผู้บริหารคนนั้นเสมือนว่าแกเป็น "คนป่วย" จิตใจคงไม่ดี สมัยเด็กๆ น่าจะมีปมด้อย ถ้าไม่ถูกด่าว่าอย่างรุนแรงมาก่อน ก็อาจจะขาดความรักความอบอุ่น หรือเวลาอยู่ที่บ้านคงถูกดูถูกกดขี่ จนรู้สึกว่าไม่มีตัวตน จึงจำเป็นต้องมาแสดงออกข้างนอก คนเหล่านั้นหากลองศึกษาประวัติชีวิตและ อดีตของพวกเขา ก็จะพบว่าส่วนใหญ่มีปัญหาหรือน่าสงสารจริงๆ นะครับ พฤติกรรมเหล่านี้ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก เราคงไม่ใช่คนที่จะแก้นิสัยของเขา คนที่มีอำนาจและอิทธิพลกับชีวิตเขามากกว่าเรา ยังแก้ไม่ได้เลย ทุกๆ เช้า ตื่นให้เช้าหน่อย ใส่บาตรทำบุญ กรวดน้ำให้แก เผื่อแกจะได้รับอานิสงฆ์ตรงนี้บ้าง "โรคร้าย" ของแกจะได้ทุเลาลง
6. หากวันหลังคุณถูก "ด่า" บ้าง อย่าเลือกที่จะ "ชน" ด้วยถ้อยทำแรงๆ และหยาบคาย เพราะเท่ากับลดตัวเองลงไป "ต่ำ" เหมือนเขา แต่อย่าทำท่าตกใจ หรือร้องไห้ฟูมฟายให้ดูอ่อนแอ เพราะจะทำให้เขาเห็นว่าคุณก็เหมือนคนอื่นๆ ทุกๆ คนที่ผ่านมาในชีวิตเขา เราต้องแตกต่างและมีจุดยืน หากเราทำผิดจริงๆ ให้พูดนิ่มๆ ด้วยหน้าตาเฉยๆ ไม่ยิ้มไม่โกรธว่า "ขอโทษค่ะ ดิฉันผิดจริง ขอบคุณที่ตักเตือน" พูดเสียงดังฟังชัดให้คนอื่นๆ ได้ยินด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า "วุฒิภาวะทางอารมณ์" ของคุณเจริญกว่าเขา แต่หากโดนด่าทั้งๆที่ไม่ผิด ก็ให้ตอบทำนองว่า "ขอโทษด้วยคะ แต่คิดว่าท่านคงได้ข้อมูลบางอย่างที่ทำให้เข้าใจผิด หากพร้อมให้ชี้แจ้งเมื่อไร บอกได้นะค่ะ" เป็นต้น คงไม่ต้องพูดเหมือนผมแป๊ะ แต่จงเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการจินตนาการไปล่วงหน้าว่าหากโดนด่า จะพูดอะไรที่ไม่ดู "กร่าง" หรือ "หงอ" จนเกินไป
7. สุดท้าย หากเขาคนนี้ทำให้คุณประสาทเสียมากเข้าๆ ก็อาจลองมองหาที่ทำงานใหม่ดู คงมีองค์กรอื่นๆ ในประเทศไทยอีกหลายองค์รที่ไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ในที่ทำงาน
ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง คงช่วยให้คำแนะนำได้เท่านั้น เพราะจนปัญญาเหมือนกัน ไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร
อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
apiwut@riverorchid.com