xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคัมภีร์ “ฟิลิป ค็อตเลอร์”ทำธุรกิจด้วยจิตวิญาณพร้อมปรับตัวสู่ยุค 4.0

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟิลิป ค็อตเลอร์ กูรูการตลาดระดับโลก เตือนผู้ที่ยังย่ำอยู่กับที่ตกยุค มีโอกาสหมดสภาพ เผยต้องปรับสู่ยุค Social Media แนะกลเม็ดอยู่อย่างยั่งยืนต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้ธุรกิจพร้อมกับการตอบแทนสู่สังคม พร้อมเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงของการตลาดโลกสู่ยุค 4.0
ฟิลิป ค็อตเลอร์ กูรูการตลาดระดับโลก เปิดเผยว่า การตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เริ่มจากยุค 1.0 เป็นยุคขายสินค้าเน้นฟังก์ชันการใช้งาน ส่วนยุค 2.0 เป็นยุคเอาใจลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Consumer Centric) ยุค 3.0 เป็นยุคแห่งการเอาชนะใจผู้บริโภคให้ผูกกับแบรนด์ไม่ต่างจากการขายจิตวิญญาณแห่งองค์กร และการตลาดกำลังก้าวสู่ยุค 4.0 ในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น นักการตลาดจะต้องปรับตัวให้ทันกับยุคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ฟิลิป ค็อตเลอร์ ปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลก
“นับจากนี้ไป 5 ปี หากคุณยังอยู่ในธุรกิจเดิมอย่างที่ทำอยู่วันนี้ คุณก็เสี่ยงที่จะหมดสภาพ”
ค็อตเลอร์ เตือนผู้ที่กำลังเผชิญกับการปรับเปลี่ยนรวดเร็วและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนได้สัมผัสกับแนวคิดการตลาดที่ล้ำหน้า จาก Marketing 3.0 และแลกเปลี่ยนแนวคิดแห่งหลักปฏิบัติการตลาดล่าสุด เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทุกช่วงเวลา
ค็อตเลอร์ บอกว่า แนวโน้มการทำการตลาดจากนี้ไป จะเข้าสู่ยุค Social Media มากขึ้น จากที่ปัจจุบันในหลายประเทศเริ่มปรับตัวทำการตลาดเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค Social Media หากใครยังไม่ปรับตัวก็จะไม่สามารถสู้รบตบมือกับใครได้ และจะทำให้บริษัทล้าหลังและหายไปในที่สุด
ทั้งนี้ ปัจจุบันประชากรทั่วโลกมีประมาณ 7,000 ล้านคน แต่บริษัทส่วนใหญ่จะโฟกัสที่จะทำตลาดกับประชากรแค่ 2,000 ล้านคนเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ประชากรเหล่านั้น มีกำลังซื้อ โดยไม่คิดเลยว่า หากสามารถทำตลาดกับประชากรกลุ่มใหญ่อีก 5,000 ล้านคนได้ จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสที่ยอดขายจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมถึงสามารถขยายตลาดไปได้ทั่วโลก ซึ่งนักการตลาดมีหน้าที่จะต้องทำให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้ นั่นหมายถึงว่า ประชากรเหล่านั้นก็จะมีเงินมาซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา
“การตลาดได้ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นเรื่องตัวสินค้า หรือ product เป็นการเน้นที่ลูกค้า หรือ customer และขยับปรับมาให้ความสำคัญกับยี่ห้อ หรือ brand และวันนี้การตลาดจะต้องตอกย้ำ value management หรือ การบริหารคุณค่าที่เน้นเรื่อง “จิตวิญญาณ” หรือ human spirit มากขึ้น” ค็อตเลอร์ ย้ำ
นักการตลาดที่จะประสบความสำเร็จจะต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้ธุรกิจพร้อมๆ กับการจ่ายตอบแทนคืนแก่สังคม ซึ่งในอดีตการตลาดทำเรื่องสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ดูดีให้คนพูดถึงอย่างชื่นชม แต่วันนี้การทำความดีความถูกต้องสำหรับธุรกิจเป็นเรื่องต้องทำ ทั้งนี้ การตลาดต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งเรื่องกาย ใจ และ จิตเป็นการบูรณาการการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคมให้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางธุรกิจ
“การตลาดจะประสบความสำเร็จได้ จะต้องเปลี่ยนแนวคิดจาก What’s good for business is good for society เป็น What’s good for society is good for business”
นั่นหมายความว่า ผู้ที่จะทำธุรกิจต้องมองให้ทะลุ ในอดีตอาจจะมองว่าอะไรที่ดีสำหรับธุรกิจก็จะดีสำหรับสังคม แปลว่า เอาผลประโยชน์ของธุรกิจเป็นตัวตั้ง แต่ในปัจจุบันจะคิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าผู้บริโภคจะต่อต้านบริษัทที่ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือไม่ยุติธรรมต่อแรงงาน หรือสังคมเป็นส่วนรวมจึงต้องเปลี่ยนมาคิดและทำแบบอะไรที่ดีกับสังคมจึงจะดีสำหรับธุรกิจ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายที่ทำดีต่อสังคม สังคมก็จะตอบรับกลับมาด้วยการมาซื้อสินค้าและบริการของบริษัทเหล่านั้น
ปัจจุบัน ประเทศในแถบอาเซียน ฝั่งตะวันออก รวมถึงไทย อยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจมีอัตราเติบโตค่อนข้างสูง เห็นได้จากมีบริษัทข้ามชาติจำนวนไม่น้อยที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังจะสร้างตลาดให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก เช่น บริษัทจากจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก รวมถึงไทยด้วย
การตลาดจะประสบความสำเร็จนั้น ค็อตเลอร์ บอกว่า จะต้องชนะท้องถิ่นก่อน จึงจะมีโอกาสชนะในตลาดโลก หากไม่สามารถชนะท้องถิ่นได้ ก็ไม่มีโอกาสชนะตลาดโลกได้
ค็อตเลอร์ ฟันธงว่า การตลาดจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในยุค 4.0 ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่คอตเลอร์จะกลับไปคิดอีกครั้งว่าจะต้องทำการตลาดอย่างไร และจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับการตลาดยุค 4.0 ที่หลายคนกำลังจับตาว่า การกลับมาของค็อตเลอร์ครั้งหน้าจะมีกลเม็ดเด็ดอะไรมาสร้างความฮือฮาให้กับวงการตลาดอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น