สมุทรสงคราม - ราคามะพร้าวน้ำหอมตกต่ำยาวหลายเดือน ชาวสวนอัมพวาร้องทุกข์ สภาเกษตรกรจังหวัด–พาณิชย์จังหวัดผนึกกำลัง ลงพื้นที่ประสานผู้ซื้อรายใหม่รับซื้อ 9,500 ลูก หน้าสวนลูกละ 5 บาท ช่วยเติมรายได้ ลดการผูกขาดตลาดเดิม มุ่งผลักดันมาตรการประกันราคาในระยะยาว
วันนี้ ( 4 ธ.ค.) นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรปรับปรุงคุณภาพไม้ผลสมุทรสงคราม พร้อมสมาพันธ์ชาวสวนมะพร้าวจังหวัด และสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และนำผู้รับซื้อมะพร้าวจากล้งนอกพื้นที่เข้ารับซื้อมะพร้าวน้ำหอมของเกษตรกร หลังปัญหาราคาตกต่ำยืดเยื้อนานหลายเดือน
ครั้งนี้มีการรับซื้อรวม 9,500 ลูก ในราคาหน้าสวน ลูกละ 5 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 50,000 บาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม หลายรายเผยว่ามีกำลังใจมากขึ้นหลังมีหน่วยงานรัฐลงพื้นที่ช่วยเหลือจริงจัง
นายวันชนะ จันทร์เพ็ญ ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมแปลงใหญ่ กล่าวว่า กลุ่มมีสมาชิกกว่า 30 ราย รวมพื้นที่ปลูกกว่า 100 ไร่ ผลิตมะพร้าวกว่า 40,000 ลูกทุก 20–25 วัน ช่วงที่ผ่านมา ราคาตกเหลือเพียง 2–3 บาทต่อผล ทำให้ขาดทุนและไม่คุ้มค่าต้นทุนตัด–ขนส่ง จึงจำเป็นต้องขายต่ำกว่าทุน จนต้องร้องทุกข์ต่อสภาเกษตรกรจังหวัด ซึ่งภายหลังการประสานงานจากพาณิชย์จังหวัด ส่งผลให้มีผู้ซื้อรายใหม่รับซื้อในราคา 5 บาทต่อผล ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ราคาขยับสูงขึ้น เกษตรกรรู้สึกว่ามีทางเลือกตลาดใหม่ ลดการผูกขาดและต่อรองราคาได้ดีขึ้น
ด้านนายสมฤทธิ์ วงษ์สวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัด ระบุว่า ปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำกระทบเกษตรกรจำนวนมาก สภาฯ จึงร่วมกับเครือข่ายเกษตรกรและสมาพันธ์ชาวสวนมะพร้าว เสนอมาตรการต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยผลักดันให้มี การประกันราคามะพร้าวลูกละ 10 บาทในระยะยาว ส่วนมาตรการเร่งด่วนคือการประสานผู้รับซื้อนอกพื้นที่เข้ามารับซื้อทันที 9,500 ลูก ในราคา 5 บาท เพื่อให้เงินกลับเข้ามือเกษตรกรโดยเร็ว ลดภาระการพึ่งตลาดเดิมเพียงช่องทางเดียว ถือเป็นความช่วยเหลือเชิงรูปธรรมครั้งสำคัญในพื้นที่
ขณะที่นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรปรับปรุงคุณภาพไม้ผล กล่าวว่า ทั้ง 3 องค์กรเกษตรกรร่วมกันผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น–ระยะยาว เสนอการชดเชยประกันราคาในช่วง 3 เดือน พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ ระบุว่าราคาที่จังหวัดช่วยเหลือเบื้องต้นที่ 5 บาทต่อผล แม้ยังไม่เต็มศักยภาพ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเชื่อว่าหากตลาดปรับตัว เกษตรกรจะได้รับประโยชน์สูงสุด พร้อมย้ำว่าองค์กรเกษตรกรทุกภาคส่วนพร้อมทำงานเป็นปากเสียงแทนเกษตรกรต่อไป เพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน.


