ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ศาลจังหวัดชุมแพไต่สวนคำร้องตั้งผู้จัดการมรดก “เฮง ทองแท่งไทย” เจ้าของธุรกิจเทพประทานพรกรุ๊ป หลัง “วัชราภรณ์” ภรรยาคนที่ 2 ยื่นขอรับหน้าที่ดังกล่าว ขณะอดีตภรรยาและลูกชายคัดค้าน ระบุพินัยกรรมอาจทำโดยมิชอบ ด้านฝ่ายผู้ร้องยืนยันผู้ตายมีสติสัมปชัญญะดี มีใบรับรองแพทย์ และเจ้าหน้าที่รัฐร่วมเป็นพยานครบถ้วน ศาลนัดฟังคำสั่งชี้คดีบ่ายวันที่ 21 ม.ค. 69
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 3 ศาลจังหวัดชุมแพ มีการไต่สวนคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดก คดีเลขดำที่ พE 426/2568 โดยมี ผู้พิพากษาศาลจังหวัดชุมแพ เป็นองค์คณะพิจารณา ในคดีที่นางวัชราภรณ์ (ตุ๋ย) ประทานพรผ่องใส ภรรยาคนที่ 2 ของผู้เสียชีวิต ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ นายเฮง ทองแท่งไทย อดีตประธานกลุ่มบริษัทเทพประทานพรกรุ๊ป มูลค่าทรัพย์สินรวมหลายพันล้านบาท
คดีนี้มีผู้คัดค้าน 3 ราย ได้แก่ นางสมพิศ แซ่เล อดีตภรรยาคนแรก, นายประกิต ทองแท่งไทย บุตรชายคนที่ 1 และ นายปรัชญา ทองแท่งไทย บุตรชายคนที่ 3 ซึ่งต่างให้เหตุผลคัดค้านว่าพินัยกรรมที่นำมายื่นประกอบคำร้อง “อาจเป็นพินัยกรรมที่ทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และเชื่อว่ามีพิรุธหลายประการ
ทั้งนี้ นายเฮง ทองแท่งไทย เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สิริอายุ 82 ปี เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ชาวขอนแก่นรู้จักอย่างกว้างขวาง มีประวัติทำบุญ อุทิศที่ดินถวายวัด และสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะมาโดยตลอด โดยมีธุรกิจในเครือเทพประทานพรกรุ๊ปจำนวนมาก รวมถึงกิจการโรงโม่หิน, เฮงการช่าง และอสังหาริมทรัพย์
จากข้อมูลที่ผู้ใกล้ชิดเปิดเผยระบุว่า พินัยกรรมฉบับสุดท้ายจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอหนองเรือ โดยมีปลัดอำเภอ รักษาการแทนนายอำเภอ, อัยการที่นายเฮงให้ความไว้วางใจ และทนายความ ร่วมเป็นพยาน ขณะเดียวกันผู้ตายได้เดินทางไปขอ ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลขอนแก่นรามในเวลา 09.00 น.ของวันเดียวกัน
ผู้ใกล้ชิดที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าผู้ตายสามารถสนทนาตอบคำถามเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วนในขั้นตอนการตรวจสอบ มีสติสัมปชัญญะก่อนลงลายมือชื่อ อย่างไรก็ตาม คลิปบันทึกเหตุการณ์ถูกลบตามคำสั่งเจ้าหน้าที่อำเภอ เนื่องจากการทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ ทำให้ไม่สามารถนำมาแสดงต่อศาลได้
สำหรับเนื้อหาพินัยกรรม ระบุว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้มาก่อนปี 2534 ให้ตกแก่บุตรชายทั้ง 4 คน (จากการสมรสครั้งแรก) แบ่งเท่าๆ กัน รวมถึงกิจการเฮงการช่าง ทรัพย์สินที่ได้มาหลังปี 2534 ให้แก่นางวัชราภรณ์ และบุตรีคือ น.ส.ปิยธิดา ทองแท่งไทย ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน เงินฝาก หุ้นส่วน หรือธุรกิจในเครือ ผู้ตายระบุให้ น.ส.ปิยธิดาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ภายหลังบุตรีได้ยินยอมให้นางวัชราภรณ์รับหน้าที่แทน
ด้านผู้คัดค้านเห็นว่านางวัชราภรณ์ “ไม่เหมาะสม” ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันยังมีความไม่พอใจเกี่ยวกับการใช้บัญชีของบุตรีในการหมุนเงินกิจการโรงโม่หิน เนื่องจากเงินในบัญชีของห้างหุ้นส่วนไม่สามารถเบิกจ่ายได้ จนกว่าจะมีผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ศาลจังหวัดชุมแพได้รับฟังการไต่สวนทั้งสองฝ่าย และจะพิจารณามีคำสั่งในวันที่ 21 มกราคม 2569 ในเวลา 13.30 น. ทั้งนี้ การจัดการมรดกถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทตามกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกเพื่อรวบรวมทรัพย์สิน ชำระหนี้สิน และดำเนินการแบ่งมรดกให้ถูกต้องตามพินัยกรรมและกฎหมายต่อไป


