นครพนม - ม.นครพนม โดยสถาบันวิจัยและพัฒนา เดินหน้าส่งเสริมองค์ความรู้และเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก “ลูกอ๊อดและกบ” เพื่อยกระดับอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจชุมชนสู่เชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร โดยได้งบแรงหนุนจากกระทรวง อว.พัฒนาสินค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
นางภัทราวดี วงษ์วาศ นักวิจัยสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยถึงโครงการแปรรูปลูกอ๊อดหรือลูกกบนาว่า เริ่มจากความต้องการของกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกบในพื้นที่อำเภอธาตุพนม ที่ประสบปัญหาผลผลิตลูกอ๊อดล้นตลาดในบางฤดูกาล ส่งผลให้ราคาตกต่ำ จึงเข้ามาปรึกษากับมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อหาทางออกด้วยการ “แปรรูปเพิ่มมูลค่า” ให้ผลผลิต
ทีมงานนักวิจัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้บูรณาการความร่วมมือผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มศักยภาพธุรกิจชุมชน ภายใต้คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อสนับสนุนงบประมาณและองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มวิสาหกิจฯ ต่อเนื่องตลอด 3 ปี โดยนอกจากการส่งเสริมด้านการแปรรูปแล้ว ยังครอบคลุมถึงการเลี้ยง การตลาด และการพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้การเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดและกบครบวงจร เพื่อเป็นต้นแบบให้ชุมชนอื่นๆ
นางภัทราวดีกล่าวอีกว่า สำหรับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกอ๊อดและกบ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์จากลูกอ๊อด เช่น “ห่อหมกฮวกอบแห้ง” และ “ผงโรยข้าวลูกอ๊อดผสมไข่ผำ” ซึ่งเป็นการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นเข้ากับคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีนสูงจากลูกอ๊อด เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย
2. ผลิตภัณฑ์จากกบ เช่น “ไส้กรอกอีสานกบ”, “ไส้อั่วกบ” และ “น้ำพริกกบ” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยล่าสุดยังมีการทดลองพัฒนา “น้ำพริกลูกอ๊อด” เพื่อขอรับการสนับสนุนในโครงการต่อไป
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยนครพนมได้ช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมแก่กลุ่มผู้ผลิตในท้องถิ่น เช่น การผลิตห่อหมกฮวกอบแห้ง ซึ่งใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน ต้นทุนต่ำ แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูง โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ อย.แล้ว สามารถเลือกซื้อสินค้าจาก Shoppe/Lazada/TikTok ภายใต้แบรนด์ Baan Hao (บ้านเฮา) และอยู่ระหว่างการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือกับมินิบิ๊กซี สปป.ลาว เพื่อรองรับการจำหน่ายสินค้าสู่ตลาดอาเซียน
ส่วนราคาผลิตภัณฑ์หลังการแปรรูปแล้วมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากลูกอ๊อดสดที่จำหน่ายกิโลกรัมละไม่เกิน 200 บาท สามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 1,000-3,000 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ลูกอ๊อดสดยังสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 2-3 วัน หากแช่น้ำแข็ง และเก็บในช่องฟรีซจะได้นานถึง 1 ปี
ด้านนายสันติ สุนีย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกบนานครพนม หรือ “สันติฟาร์มฮวก” เล่าว่า ตนสืบทอดอาชีพเลี้ยงกบจากครอบครัวที่ทำมากว่า 30 ปี และได้พัฒนาเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ตั้งแต่ปี 2563 โดยเน้นการเลี้ยง การแปรรูป และการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อแก้ไขปัญหาการล้นตลาดและราคาตกต่ำของลูกอ๊อดในอดีต
“เมื่อก่อนชาวบ้านไม่มีตลาดรองรับ ราคาลูกอ๊อดตกต่ำ บางช่วงเหลือเพียง 3 กิโลกรัม 100 บาท เราจึงรวมกลุ่มกันตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อกำหนดมาตรฐานราคาและหาช่องทางเพิ่มมูลค่า ม.นครพนมเข้ามาช่วยต่อยอดด้านเทคโนโลยีการแปรรูป การตลาด และการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทำให้เราสามารถขายลูกอ๊อดแปรรูปได้ราคาสูงขึ้นถึง 1 เท่าตัว และยังสร้างงานให้ผู้สูงอายุในชุมชนอีกด้วย” นายสันติกล่าว
ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกบนานครพนมยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มแปลงใหญ่กบนานครพนม มีสมาชิกกว่า 30 ราย และยังมีเครือข่ายกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านดอนแดง จำนวน 65 ราย ที่ร่วมจ้างงานบีบไส้ลูกอ๊อดและแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยนครพนมครบวงจร ตั้งแต่การเลี้ยงกบที่ได้มาตรฐาน (ต้นน้ำ) การแปรรูป (กลางน้ำ) จนถึงการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน GMP และ อย. (ปลายน้ำ) ผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP 5 ดาว และยังได้ยกระดับเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูงของจังหวัดนครพนม รวมถึงการนำระบบ Smart Farm และ IoT เข้ามาใช้ในการเพาะเลี้ยง เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากยิ่งขึ้น
การส่งเสริมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของมหาวิทยาลัยนครพนม ที่มุ่งเน้น “การพัฒนางานวิจัยเพื่อชุมชน” สร้างอาชีพที่มั่นคง และยกระดับสินค้าเกษตรของท้องถิ่นสู่ตลาดภูมิภาคและสากลได้อย่างยั่งยืน


