ตาก – “นายกฯอนุทิน” ลงพื้นที่ติดตามปฏิบัติการส่งสแกมเมอร์ชาวอินเดีย ขึ้นเครื่อง INDIAN AIR FORCE บินจากแม่สอดกลับ พร้อมหารือเอกอัครราชทูตอินเดีย ย้ำทุกหน่วยเดินหน้าปราบอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และการหลอกลวงออนไลน์ หรือสแกมเมอร์
วันนี้ (10 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติหน้าที่ส่งกลับบุคคลต่างชาติ (สัญชาติอินเดีย) ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ออกจากอากาศยานนานาชาติแม่สอด กลับประเทศ
โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 6 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
รวมทั้ง นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายประเดิม เดชายนต์บัญชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก หัวหน้าส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและสนับสนุนภารกิจ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้หารือข้อราชการกับ นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรอง ชั้น 1 ท่าอากาศยายฯแม่สอด จากนั้น ร่วมสังเกตุการณ์การส่งกลับบุคคลต่างชาติ(สัญชาติอินเดีย) ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยวันนี้ อินเดียได้ส่งเครื่องบิน INDIAN AIR FORCE จำนวน 2 ลำ รับตัวชาวอินเดียเหยื่อสแกมเมอร์ 195 คน ที่สนามบินนานาชาติแม่สอด กลับประเทศ หลังจากเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รับกลับไปแล้ว จำนวน 270 คน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการสถานการณ์บุคคลต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบนโยบาย และกล่าวเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภัยจากอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และการหลอกลวงออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ที่ทำให้คนจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อ สร้างความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดตั้งบอร์ดปราบสแกมเมอร์ เพื่อประสานความร่วมมือในการปราบปราม การเสนอตัวจัดการประชุมนานาชาติ เรื่องการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ และการลงนาม MOU ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ของ 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรอง และการสืบสวน ให้มีความเป็นเอกภาพ ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อตัดเส้นทางการเงินอาชญากร ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินได้อีก
นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงมหาดไทย กำหนด 9 มาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาทิ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ทำแผนศึกษาปัญหาในพื้นที่ การจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ แก้ไขอาชญากรรมเทคโนโลยี การเข้มงวดการรักษาความสงบเรียบร้อยของชุดปฏิบัติการ ให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็นศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้เสียหาย ใช้กลไก กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.เฝ้าระวังป้องกันภัย เพิ่มความเข้มงวดจุดผ่านแดน ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ถือสัญชาติไทยที่ทำผิดเงื่อนไข และ สร้างความรู้เท่าทันภัยดิจิทัล ให้แก่ประชาชน


