ลำพูน - ทนายความนำตัวแทนครูบำนาญร้อง ผบก.ภ.ลำพูน..โดนหลอกกู้เงินสหกรณ์ ร่วมลงทุนทั้งซื้อหุ่นยนต์เฝ้าบ้าน ลงทุนอสังหาฯ ซื้อมันสำปะหลัง แลกปันผลสูง-ปลดหนี้ได้ สุดท้ายกลายเป็นโครงการทิพย์ สูญเงินรวมร่วม 100 ล้าน-หนี้พอก แจ้งความเกือบ 3 ปีแต่คดีไม่คืบ บางคนถึงกับตรอมใจตาย
วันนี้(2 ต.ค.)นายเจริญ จอมจันทร์ฟอง ทนายความ นำตัวแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มครูบำนาญเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผบก.ภ.ลำพูน กรณีถูกหลอกลงทุนซื้อหุ่นยนต์เฝ้าบ้าน ลงทุนซื้อมันสำปะหลัง หวังปลดหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ สุดท้ายเป็นแค่โครงการทิพย์สูญเงินรวมกว่า 100 ล้านบาท
หนำซ้ำแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองลำพูน นานเกือบ 3 ปีแต่คดีความกลับไม่คืบ ก่อนหน้านี้ก็ได้ยื่นหนังสือไปให้ สส.ในพื้นที่ ตลอดจนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล
ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครูเกษียณอายุมากแล้ว บางรายก็เกรงว่าลูกหลานทราบเรื่องแล้วจะเกิดความไม่สบายใจจึงยังไม่เข้าแจ้งความเอาผิดยอมรับชะตากรรม เกิดความเครียดจนตรอมใจตายก็มี
เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2564 สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ลำพูน จำกัด จำนวน 132 คน ได้รับการชักชวนจากนายมานิตย์ (ขอสงวนนามสกุล) กลุ่มนายทุน และนายสมคิด (ขอสงวนนามสกุล) อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูนจำกัด และในฐานะที่ปรึกษาของบริษัทนครไทยธุรกิจ จำกัด ที่มีนายภาวัต (ขอสงวนนามสกุล) ประธานกรรมการ-กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และบริษัทรัตนาภรณ์ แอ็นเนอร์จี จำกัด ให้กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน มาร่วมลงทุนดังกล่าวแลกผลตอบแทนเงินปันผลสูง
ซึ่งสมาชิกสหกรณ์ฯ หลงเชื่อและนำเงินกู้ต่างๆ จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน เช่น กู้เงินตาย 30 เท่า กู้เงินกระดูก บำเหน็จดำรงชีพ ร้อยละ 10 ร้อยละ 20 นำไปลงทุนตามการชักชวน เช่น โครงการหุ่นยนต์ โครงการมันสำปะหลัง โครงการอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่ อ.เถิน จ.ลำปาง โดยอ้างว่าจะมีกลุ่มทุนจีนมาอยู่ โครงการรถยนต์ โครงการร้านค้า โครงการเครื่องทำน้ำดื่ม
หลายคนหวังจะได้เงินปันผลมาปิดหนี้สหกรณ์ที่เป็นหนี้อยู่ตั้งแต่ตอนรับราชการ บางรายยอมลงทุนไปกู้นายทุนเงินกู้นอกระบบมาเสียดอกเบี้ยร้อยละ 10 บางคนใช้บัตรเครดิตกดเงินสดออกมา บางคนใช้เงินก้อนสุดท้ายหลังเกษียณไปร่วมลงทุน
แต่สุดท้ายเป็นเพียงแค่โครงการทิพย์ ไม่มีอยู่จริง สร้างความเสียหายแก่ครูที่เกษียณอายุราชการที่เป็นหนี้สหกรณ์อยู่ที่หวังจะได้เงินมาปลดหนี้กลับเป็นหนี้มากกว่าเดิม เป็นการซ้ำเติม มีครูคิดมากจนตรอมใจตายไปแล้ว 1 ราย หนำซ้ำหลายรายยังต้องถูกฟ้องร้องเพราะไม่สามารถหาเงินไปคืนได้ ส่งผลเสียต่อครอบครัว รวมถึงสภาพจิตใจของทุกคนเพราะอายุมากแล้วยังต้องมาเป็นหนี้เพิ่มและเกิดความเครียด
ซึ่งความเสียหาย เฉพาะที่ไปแจ้งความกันแล้ว 56 คน รวมเงินทั้งหมดเกิน 70 ล้านบาท แต่ถ้ารวมยอดเงินคนที่ไม่กล้ามาแจ้งความ อีกรวม 132 ราย คาดว่าความเสียหายน่าจะร่วมๆ 100 ล้านบาทขึ้นไป
ด้านนายเจริญ จอมจันทร์ฟอง ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ผ่านมา 2 ปีกว่า ความคืบหน้าในการส่งเรื่องไปยังพนักงานอัยการถือว่าช้ามาก ทั้งๆที่คดีก็ไม่ได้มีความซับซ้อน จึงได้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ผบก.ภ.ลำพูน ช่วยตรวจสอบถึงสาเหตุของความล่าช้าในการส่งสำนวนฟ้อง
จากการได้พูดคุยกับสารวัตร(นิติกร) ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ที่มารับเรื่อง ทราบว่าท่านจะนำเสนอกับผู้บังคับบัญชาในการเร่งรัดและตรวจสอบเกี่ยวกับการทำงานของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทำให้กลุ่มผู้เสียหายพอใจในระดับหนึ่ง
ขณะที่นางพัฒน์ (นามสมมุติ) ครูบำนาญอายุ 71 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุน เล่าทั้งน้ำตาว่าตนต้องกู้เงินจากสหกรณ์เพื่อนำเงินมาลงทุนโครงการหุ่นยนต์เฝ้าบ้านตัวละ 1 แสนบาท ซึ่งจะได้เงินค่าตอบแทนเดือนละ 9 พันบาท นอกจากนี้จะได้กินอาหารคลีน P80 ฟรี ตัวละ 1 ขวดต่อเดือน ขณะนั้นได้เงินตอบแทนมา 9 เดือน เป็นเงินฝากประจำผ่านบัญชีสหกรณ์ฯ ซึ่งไม่สามารถถอนเงินออกมาได้
ต่อมาทางกลุ่มคนที่มาชักชวนลงทุนได้ให้ไปปิดบัญชีฝากประจำเปลี่ยนเป็นบัญชีออมทรัพย์ แล้วให้ถอนเงินออกมาเพื่อที่จะให้ไปลงทุนโครงการมันสำปะหลังเพื่อที่จะได้เงินค่าตอบแทนก้อนใหม่แต่ก็ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนเหมือนเดิม
หลังจากนั้นตนก็เป็นหนี้สหกรณ์ถูกสหกรณ์หักเงินบำนาญเป็นค่างวดเงินกู้ที่นำไปลงทุนแต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทน ทำให้เงินไม่พอใช้จนกลายเป็นหนี้ก้อนโตหลักล้าน ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ต้องลำบาก จนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายจนต้องหนีหนี้ไปหลายราย สุดท้ายนี้ตนอยากฝากบอกกับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวดังกล่าวช่วยเห็นใจและมารับผิดชอบกับการกระทำที่ทำลงไป ส่วนตนกับกลุ่มครูเกษียณที่ถูกโกงเงินไปยืนยันว่าจะขอต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
พ.ต.ต.ธนานุวัฒน์ บุญจอง สารวัตร(นิติกร) ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ได้เป็นตัวแทนผู้บังคับบัญชามารับหนังสือจากตัวแทนครูบำนาญ ก่อนจะเชิญนายเจริญ จอมจันทร์ฟอง ทนายความ และตัวแทนผู้เสียหายไปสอบถามรายละเอียดนานกว่า 1 ชั่วโมง บอกว่าจะสรุปรายละเอียดเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป