สระแก้ว- เริ่มแล้วปฏิบัติการทวงคืนป่าชายแดนสระแก้ว เจ้าหน้าที่ป่าไม้-อส. นำป้ายประกาศ 3 ภาษาติดตั้ง 6 จุดไล่ผู้บุกรุกพ้น บ้านหนองหญ้าแก้ว-หนองจาน สั่งรื้อถอนบ้าน-ทรัพย์สินใน 15วัน ฝ่าฝืนเจอโทษหนักจำคุก
15 ปี ปรับ1 แสนบาท พบบ้าน เขมรผุดกว่า40 หลัง
วันนี้ ( 28 ก.ย.) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.2 (หนองแวง) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่9 สาขาปราจีนบุรี ได้สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ลงพื้นที่ติดตั้งป้ายประกาศ “ตรวจยึดและขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ป่า” บริเวณ 2 หมู่บ้านแนวชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ม. 9 ต.โคกสูง และบ้านหนองจาน ม. 3 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าไม้
พ.ศ.2484
ปฏิบัติการในครั้งนี้ถูกขนานนามว่า “ทวงคืนป่า ประเทศไทย” โดยมีการนำป้ายประกาศจำนวน6 ป้าย ติดตั้งในหมู่บ้านละ 3 ป้าย เนื้อหามีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษากัมพูชา ระบุว่า“พื้นที่นี้คือป่า อยู่ในราชอาณาจักรไทย”
โดยข้อความในป้ายประกาศยังยืนยันว่า พื้นที่หนองหญ้าแก้วและหนองจานอยู่ในราชอาณาจักรไทยและถือเป็นพื้นที่ป่า ตามความในมาตรา4 (1)พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูงแล้ว ซึ่งกรณีบ้านหนองหญ้าแก้ว ได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่17 ก.ย. 2568 ส่วน กรณีบ้านหนองจาน แจ้งความเมื่อวันที่25 ก.ย.2568 ซึ่งผู้ที่บุกรุก ครอบครอง หรือก่อสร้างในพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดีตาม มาตรา54 และมาตรา72 ตรี มีโทษจำคุกสูงสุด15 ปี และปรับไม่เกิน100,000 บาท
พร้อมทั้งสั่งให้นำทรัพย์สินออกจากพื้นที่ภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศ หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยบ้านหนองหญ้าแก้ว วันประกาศขับไล่มีผลตั้งแต่18 ก.ย.2568 ซึ่งจะครบกำหนดเส้นตายเร็วกว่าพื้นที่อื่น ส่วนบ้านหนองจาน วันประกาศขับไล่เริ่ม25 ก.ย.2568 ทำให้ยังเหลือเวลาอีกเล็กน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามความตึงเครียดเนื่องจากในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา มีรายงานการรุกล้ำพื้นที่ป่าจนกลายเป็นชุมชนขนาดเล็ก โดยเฉพาะบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่ภาพถ่ายทางอากาศพบบ้านเรือนชาวกัมพูชาปลูกสร้างอยู่กว่า40 หลังคาเรือน
และเจ้าหน้าที่ไทย ถือว่าการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการยืนยันอธิปไตยเหนือพื้นที่ป่า และเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการขยายตัวของการบุกรุกและรักษาทรัพยากรธรรมชาติของชาติ จับตาความเคลื่อนไหวก่อนครบเส้นตาย
ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์เพื่อติดตามว่าผู้บุกรุกจะเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ตามที่กำหนดหรือไม่ หรือจะต้องมีการใช้มาตรการบังคับตามกฎหมาย
ทั้งนี้หากถึงเส้นตายแล้วยังไม่ปฏิบัติตามปฏิบัติการ “ทวงคืนป่า ประเทศไทย” จึงถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะสะท้อนถึงความเด็ดขาดของไทยในการจัดการปัญหาการบุกรุกชายแดน และเป็นการประกาศจุดยืนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยโดยชอบธรรม