ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อดีตนักการเมืองท้องถิ่นโคราชปิ๊งไอเดีย เลี้ยง“หนอนแมลงวันลาย” หรือ “BSF” กำจัดขยะอินทรีย์วันละ 220 กิโลกรัม สร้างอาหารสัตว์โปรตีนสูงชั้นดี เลี้ยงไก่ เป็ด ปลา กบ และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์กว่า 60% พร้อมต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าทางศก.สูงอย่างเครื่องสำอางและไคโตซาน รุกสร้างเครือข่ายเลี้ยงหนอน BSF ในครัวเรือน เพื่อกำจัดขยะและสร้างรายได้เสริม
วันนี้ (22 ก.ย. 68) ที่บ้านเลขที่ 635/4 ซอยท้าวสุระ 15 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอดุลย์ อยู่ยืน อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และเป็นเกษตรกรผู้ริเริ่มนำชาวบ้านในชุมชนนำขยะที่ไร้มูลค่ามาแปลงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่า ด้วย “หนอนแมลงวันลาย” (Black Soldier Fly: BSF) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนิเวศที่เปลี่ยนภาระในการจัดการขยะให้กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะปัญหาขยะอินทรีย์ที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
โครงการเพาะเลี้ยงหนอน BSF ต้นแบบที่จังหวัดนครราชสีมานี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถเป็นแนวทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน โดยนายอดุลย์ได้นำแนวคิดการจัดการขยะอินทรีย์มาต่อยอด เริ่มจากการจัดการเศษอาหารจากร้านอาหารของตนเอง โดยมีขั้นตอนการเลี้ยงที่ไม่ซับซ้อน เริ่มจากการเตรียมภาชนะ ใส่ตัวอ่อน แล้วจึงให้อาหารและควบคุมความชื้น หนอนเหล่านี้จะเปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยคุณภาพสูง และยังนำตัวหนอนไปใช้เป็นอาหารสำหรับไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้เพื่อลดต้นทุนค่าอาหาร
นอกจากจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มในหลายมิติ ตั้งแต่การเป็นอาหารสัตว์โปรตีนสูง ไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอย่างเครื่องสำอางอีกด้วย
นายอดุลย์ อยู่ยืน เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของโครงการว่า ตนต้องการหาแนวทางลดปริมาณขยะอินทรีย์มาต่อยอดและพัฒนาเป็นโครงการต้นแบบที่บ้าน โดยเริ่มจากการกำจัดเศษอาหารจากร้านอาหารของตนเองก่อน ซึ่งมีประมาณ 20 กิโลกรัมต่อวัน และนำหนอนที่ได้ไปใช้เป็นอาหารสำหรับไก่ไข่ 80 ตัวที่เลี้ยงไว้เพื่อลดต้นทุน ซึ่งตนเห็นว่าหนอน BSF มีความสามารถในการกินเศษอาหารได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมาก จนเศษอาหารที่ร้านไม่เพียงพอ ต้องไปหาเศษอาหารจากแหล่งอื่นมาเพิ่ม โชคดีที่ห้างสรรพสินค้าข้างเคียง (ห้างโลตัส) มีปริมาณเศษอาหารจำนวนมากที่ต้องกำจัด แต่ทางห้างฯ ต้องการกำจัดเศษอาหารแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตนจึงได้ไปติดต่อรับเศษอาหารจากห้างดังกล่าวเพิ่มอีกวันละ 200 กิโลกรัม เมื่อรวมกับเศษอาหารที่ร้านเป็น 220 กิโลกรัม ปรากฏว่าหนอน BSF ซึ่งกินเศษอาหารจุมาก สามารถกำจัดเศษอาหารได้ทั้งหมด นับว่าเป็นแนวคิดที่ดีมาก นอกจากจะสามารถกำจัดเศษอาหารได้ในปริมาณมาก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นและการสะสมของเชื้อโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ
ตนเชื่อว่าโครงการนี้มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากตัวหนอนเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีสำหรับอาหารสัตว์ เช่น ไก่ เป็ด ปลา และกบ ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างมาก จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าอาหารสัตว์ 100% ตอนนี้เหลือเพียง 30-40% เท่านั้น
นอกจากนี้ หนอนยังมีกรดลอริก (Lauric Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ ทำให้ไก่ที่เลี้ยงด้วยหนอนมีสุขภาพแข็งแรงและไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ส่งผลให้ผลผลิตทั้งเนื้อและไข่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ขณะที่มูลหนอนยังเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงสำหรับพืช
ส่วนอื่นๆ ของหนอน BSF เช่น น้ำมันและเปลือก ยังสามารถนำไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอย่างเครื่องสำอางและไคโตซานได้ ตนเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับอุตสาหกรรม
ขณะนี้ตนได้เริ่มสร้างเครือข่ายให้ครัวเรือนทั้งในพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมา และพื้นที่อื่นหันมาเพาะเลี้ยงหนอน BSF เพื่อกำจัดขยะและเศษอาหารในบ้าน และสามารถขายผลผลิตกลับคืนสู่ระบบเพื่อสร้างรายได้เสริม ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของโครงการคือการสร้างโมเดลที่ยั่งยืนให้ทุกคนสามารถนำไปใช้เพื่อลดปริมาณขยะโดยรวมของจังหวัด และเปลี่ยนภาระให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจต่อไป