เพชรบูรณ์ - ครอบครัวร่ำไห้..เรียกร้องความเป็นธรรมอีกรอบ หลังรถตู้พุ่งชน “ครูเกิ้ล-ครูพละหล่มสัก” ร่างกระเด็นตกเหวเขาพรึง เสียชีวิตต่อหน้าลูกศิษย์ระหว่างเดินทางกลับจากร่วมแข่งฟุตบอลที่เชียงใหม่ปลายสิงหาฯ ล่าสุดคดีไม่คืบ-คนขับกลับคำให้การ-ต้นสังกัดเหมือนไม่ดูแล
คดีสะเทือนใจชาวหล่มสัก เมื่อ “ครูเกิ้ล” นายคะนอง ทองคำสุก อายุ 53 ปี ครูพลศึกษา โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม และโค้ชฟุตบอลของโรงเรียน ต้องมาสังเวยชีวิตอย่างน่าเศร้า ขณะพาลูกศิษย์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลที่ จ.เชียงใหม่ ขากลับ 31 ส.ค.68 รถเสียบนถนนสายเด่นชัย – อุตรดิตถ์ บริเวณปากทางบ้านเขาพลึง ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่
จุดเกิดเหตุรถโดยสารของทีมฟุตบอลเกิดขัดข้อง เป็นพื้นที่อับสัญญาณโทรศัพท์ ครูเกิ้ลจำเป็นต้องเดินข้ามไปยังอีกฝั่งถนนเพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ ประสานขอความช่วยเหลือ แต่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน รถตู้โดยสารทะเบียน ฮล 1288 กรุงเทพมหานคร ติดตราสัญลักษณ์ “กรมส่งเสริมการเกษตร” เกิดเสียหลักหมุน แล้วพุ่งเข้าชนครูเกิ้ลอย่างแรง จนร่างกระเด็นตกลงไปในเหวลึกกว่า 10 เมตร เสียชีวิตต่อหน้าลูกศิษย์ที่กำลังตื่นตระหนก
ล่าสุดนางจตุพร ทองคำสุก อายุ 52 ปี ภรรยาของครูเกิ้ล เปิดใจทั้งน้ำตา ว่า คู่กรณีปฏิเสธความประมาท ทั้งที่สามีตนยืนอยู่ริมถนน ไม่ได้อยู่บนช่องทางจราจร ซึ่งหากคนขับระมัดระวัง ย่อมไม่เกิดเหตุสลดเช่นนี้ได้ “ถ้าเขาไม่ประมาท สามีฉันจะถูกชนจนร่างกระเด็นตกเหวลึกได้อย่างไร อยากให้เขาออกมายอมรับความผิด ไม่ใช่ปฏิเสธความรับผิดชอบแบบนี้”
นางจตุพร บอกว่า นอกจากนั้นหน่วยงานต้นสังกัด คือ โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ก็ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเยียวยา หรือการขอบำเหน็จความชอบให้กับครูคะนอง ทองคำสุก ทั้งที่การเสียชีวิตครั้งนี้เกิดขึ้นจากการไปราชการ นำนักเรียนไปแข่งขันฟุตบอล เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียน ไม่ต่างกับทหารที่ไปทำศึกชายแดน แถมยังมีเสียงจากผู้หลักผู้ใหญ่ในโรงเรียน แว่วมาเข้าหูว่า..รีบๆเคลียร์จะได้จบๆกันไป
ขณะที่การดำเนินคดีล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอเอกสารสำคัญจากหน่วยงานต้นสังกัดของรถตู้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารตอบกลับ ส่งผลให้รูปคดีไม่คืบหน้า และครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานมาก
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ ท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เดินทางร่วมกับครูเกิ้ล โดยตามกฎหมายต้องมี เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในการสอบสวน เพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามเอกสารอย่างเป็นทางการจากกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการพิจารณาความรับผิดชอบของหน่วยงานและคู่กรณี
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงพรากชีวิตของครูผู้เสียสละ แต่ยังสร้างบาดแผลทางใจให้กับลูกศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งต้องจดจำภาพสะเทือนใจไปตลอดชีวิต ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานต่างวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดีให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ล่วงลับ และครอบครัว
