xs
xsm
sm
md
lg

สาวโคราชคาใจ! รพ.ทำคลอดลูกตายในท้อง กลับอ้างเด็กตัวโตเบ่งคลอดไม่ไหวซ้ำส่งรักษาต่อช้า จี้รับผิดชอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สาวโคราช คาใจ รพ.ทำคลอดลูกตายในท้อง ยันตรวจครรภ์ตามนัดหมอบอกสุขภาพเด็กแข็งแรงดีมาตลอด ไม่พบความผิดปกติ กลับอ้างเด็กตัวโต เบ่งคลอดไม่ไหว แถมส่งรักษาต่อล่าช้าจนเด็กไม่มีชีพจร วอนออกมารับผิดชอบชี้แจงข้อเท็จจริง เผยสูญเสียลูกไปแบบนี้คนเป็นพ่อเแม่ไม่มีใครรับได้

วันนี้ (4 ก.ย. 68) นางสาวสายใจ หมั่นทองหลาง อายุ 38 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนขอความเป็นธรรม กรณีโรงพยาบาล (รพ.) ทำคลอดแล้วลูกเสียชีวิตในท้อง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

นางสาวสายใจเปิดเผยว่า ตนตั้งครรภ์ลูกคนแรก มีกำหนดคลอดในวันที่ 6 กันยายน 2568 ที่จะถึงนี้ แต่ทาง รพ. (ขอสงวนชื่อ รพ.สูงเนิน) ได้นัดตรวจครรภ์ก่อนคลอด ในวันที่ 2 กันยายน 2568 ตนและสามีมาพบแพทย์ตามนัด ซึ่งทุกครั้งที่มาตรวจครรภ์ ทางแพทย์บอกว่าสุขภาพของเด็กแข็งแรงดีมาโดยตลอด ไม่พบความผิดปกติอะไร จนวันที่ 2 กันยายนที่มาตามนัด ตนกับครอบครัวก็พากันมา รพ.ตั้งแต่เช้า จนเวลาประมาณ 09.00 น.ถูกเรียกให้ไปเจาะเลือด และเข้าห้องตรวจฟังเสียงคลื่นหัวใจของทารก ซึ่งพยาบาลตรวจให้ก็ยังมีคลื่นหัวใจปกติดี และพอเข้าห้องตรวจอีกรอบ แพทย์บอกว่าปากมดลูกเปิดแล้ว 1 เซนติเมตร ให้นอนแอดมิตที่ รพ.ได้เลย ครอบครัวของตนก็ทำเรื่องส่งตัวเข้าแอดมิตในโรงพยาบาลก่อนเวลา 11.00 น.


จากนั้นช่วงบ่ายแพทย์คนเดิมที่มาตรวจและบอกว่าปากมดลูกเปิดแล้ว ก็มาตรวจอีกครั้งบอกว่าปากมดลูกเปิดเพิ่ม แต่ยังไม่เปิดมากพอที่จะคลอดลูกออกมาเองได้ จึงเว้นช่วงไปสักพัก แล้วแพทย์คนเดิมก็มาตรวจดูอีก จนถึงช่วงเปลี่ยนเวร แพทย์บอกกับแฟนตนว่าปากมดลูกเปิดประมาณ 9 เซนติเมตรแล้ว พยาบาลก็มาดูต่อพบว่าปากมดลูกเปิดมากพอแล้ว จึงบอกให้ตนเบ่งคลอด ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ในห้องคลอด แต่นอนอยู่บนเตียงหน้าห้องคลอด พยาบาลบอกให้เบ่งอีกหลายรอบ ตนก็รู้สึกปวดท้องคลอดอย่างมาก และใช้เวลาเบ่งค่อนข้างนาน ก็ได้ยินพยาบาลพูดว่า เห็นศีรษะและผมของเด็กแล้ว แต่เวลานั้นตนก็เบ่งสุดกำลังแล้ว แต่ลูกก็ไม่คลอดออกมาสักที บอกให้ตนพยายามเบ่งอีก พอผ่านไปสักพัก บอกให้ตนไม่ต้องเบ่งแล้วเพราะเบ่งไม่ออก

จากนั้นพยาบาลนำวีลแชร์มาให้ตนลุกจากเตียงนอนไปนั่งวีลแชร์ แล้วเข็นเข้าไปในห้องคลอด ให้ตนปีนขึ้นเตียงคลอด พอนอนเข้าที่ ตนก็เบ่งอีกหลายครั้ง แต่ลูกไม่ออกมา พยาบาลพยายามมาช่วย แต่ก็ไม่ออก

จนพยาบาลบอกให้ตนหยุดเบ่ง แล้วทำความสะอาดเตียงคลอด โดยพยาบาลบางคนได้ออกไปนอกห้อง ไม่รู้ว่าไปคุยกับญาติของตนหรือไปปรึกษาแพทย์ แล้วสักพักก็กลับเข้ามาบอกพยาบาลในห้องว่า “ให้ส่งตัว” ตนจึงถามว่า “จะส่งตัวไปไหน” ก็บอกว่า จะส่งตัวไป รพ.เทพรัตน์ ญาติของตนก็ถามถึงสาเหตุว่าทำไมต้องส่งตัว ทางพยาบาลก็บอกว่า “อาจจะเป็นเพราะเด็กตัวใหญ่” ซึ่งในนาทีนั้นถ้าพบว่าเด็กตัวใหญ่ คลอดไม่ได้ ก็ควรจะตัดสินใจส่งตนไปอีกโรงพยาบาลให้เร็วกว่านี้


ในระหว่างส่งตัว ตนนอนอยู่ในรถพยาบาล มีความรู้สึกสังหรณ์เหมือนไม่ได้ยินเสียงหัวใจของลูกแล้ว เพราะถ้าลูกยังมีชีวิต ตอนที่ตนปวดท้องมากๆ ลูกต้องดิ้นหรือขยับตัวบ้าง แต่ลูกกลับนิ่ง ตนจึงใจไม่ดี แต่พยาบาลที่นั่งมาในรถด้วยบอกว่า ได้ยินเสียงหัวใจของเด็ก ตรวจการเต้นของชีพจรอยู่ที่ 150 จนมาถึง รพ.ปลายทาง (รพ.เทพรัตน์นครราชสีมา) ทาง รพ.ได้ถามซ้ำพยาบาลว่าตรวจเจอชีพจรเด็กเท่าไร ตรวจเช็กถูกต้องหรือไม่ เพราะ ณ เวลานั้นทางแพทย์ รพ.ปลายทางตรวจไม่พบชีพจรลูกของตนแล้ว จึงรีบนำตนเข้าห้องคลอดทันที ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็นำลูกของตนออกมาได้ ซึ่งก่อนที่ลูกจะออกมาแพทย์ได้แจ้งให้ตนทราบก่อนแล้วว่าเด็กไม่มีชีพจรนะ จะต้องเอาเด็กไปช่วยนอกห้องคลอด ในเวลานั้นตนฟิวส์ขาดไปแล้ว

หลังจากเกิดเหตุ ทาง รพ.ต้นทางเพิ่งจะเข้ามาพบตนเมื่อวานนี้ (3 กันยายน 2568) บอกเพียงว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สาเหตุเกิดจากอะไร หรือเกิดจากความผิดพลาดตรงไหน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเยียวยาหรือเรื่องรับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งตอนที่มาถึง รพ.ปลายทางตนเห็นทุกอย่างว่ามีความผิดปกติ ตรวจไม่พบชีพจรลูกแล้ว ดังนั้น รพ.ต้นทางจะต้องแสดงความรับผิดชอบให้มากกว่านี้


ตอนนี้ตนได้แจ้งขอให้แพทย์ผ่าชันสูตรหาสาเหตุที่ชัดเจนเพราะรู้สึกคาใจ อยากให้ รพ.ต้นทางออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกเราตายไปแบบนี้ เป็นท้องแรกของตนด้วย มาตรวจตามนัดก็แข็งแรงดี เด็กดิ้นดี เป็นปกติ และวันเกิดเหตุตนก็อยู่ในความดูแลของ รพ.ต้นทางนานหลายชั่วโมง ตั้งแต่ก่อน 11.00 น. จนส่งตัวไปถึงอีก รพ. ถ้าตอนแรกตรวจพบเด็กผิดปกติ ทาง รพ.ต้องแจ้งให้ทราบ หรือให้ยุติการตั้งครรภ์ ไม่ใช่ปล่อยจนครบกำหนดคลอด และในตอนที่แอดมิต ถ้า รพ.ตรวจพบความผิดปกติ และตัดสินใจส่งตัวให้เร็วกว่านี้ตนก็คงไม่ต้องสูญเสียลูกไปแบบนี้

"จึงอยากให้ รพ.ต้นทางออกมาชี้แจงสาเหตุ พูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเด็กตอนที่อยู่ในครรภ์แข็งแรงมาตลอด รพ.ควรออกมาชี้แจงว่ามันผิดพลาดจากตรงไหน แล้วมาจบตรงที่ตนต้องสูญเสียลูกไปแบบนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีใครรับได้หรอก" นางสาวสายใจกล่าวในตอนท้าย




กำลังโหลดความคิดเห็น